ประวัติครูกายแก้ว
ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอ เหตุการณ์ที่มีรถบรรทุก 6 ล้อติดเครน ที่ขนรูปปั้นขนาดใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านใต้สะพานลอยไปได้ ทำให้รถติดอยู่พักหนึ่ง โดยปลายทางของรูปปั้นองค์นี้คือ นำไปตั้งศาลบริเวณโรงแรม เดอะ บาซาร์ แบงค็อก รัชดาภิเษก ความสูงใหญ่ 4 เมตร กว้าง 3.50 เมตร ขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว ด้วยขนาดของรูปปั้นนั้น เป็นรูปปั้นสีดำขนาดใหญ่ มีความเชื่อกันว่า นี่คือ อสูรเทพแห่งโชคลาภ มีชื่อว่า ครูกายแก้ว วันนี้เราจะมาพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับ ประวัติครูกายแก้ว ให้เพื่อน ๆ ได้มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
ประวัติครูกายแก้ว
ครูกายแก้ว กลายเป็นไวรัลในชั่วพริบตา เมื่อเกิดเหตุการณ์รูปปั่นสีดำขนาดใหญ่ ที่ถูกเรียกว่าครูกายแก้วนั้นติดสะพานลอย ในวันที่ 9 สิงหาคม 2566
ทำให้คนที่ขับรถตามหลังมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์ หรือแม้แต่คนที่เห็นคลิป เกิดความสงสัยกันจังว่า นี่คือรูปปั้นของใคร ด้วยรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์
คล้ายกับผู้บำเพ็ญศีล ในท่านั่งขัดสมาธิ หน้าตาน่าเกรงขาม ปากมีเขี้ยวโผล่ออกมา คล้ายนกการเวก ด้านหลังของรูปปั้นมีปีก
ดวงตามีสีแดง เล็บยาวงุ้ม รูปร่างที่เป็นคน แต่มีปีกเหมือนนก จึงเชื่อกันว่าครูกายแก้วนั้นเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งนก คล้ายกับสัตว์โบราณในป่าหิมพานต์
ครูกายแก้ว คือใคร ?
วันนี้แอดมินแม่หมีจะมาเล่า ประวัติครูกายแก้ว ให้เพื่อน ๆ ที่สนใจในเรื่องนี้ ได้รับทราบข้อมูลกัน เค้าว่ากันว่า ครูกายแก้วนั้น
เป็นผู้มีเวท เรียกได้ว่าเป็นบรมครูผู้เรืองเวท สามารถประทานพรให้สมปรารถนาได้ เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมานานนับหลายร้อยปีแล้วแหละ
เรื่องเล่าว่า มีพระรูปหนึ่ง ได้เดินทางออกไปธุดงค์ ท่านได้เดินทางไปที่ปราสาทนครวัดนครธม เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
เพื่อไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ไปทำสมาธิ ปลีกวิเวก เมื่อท่านได้เดินทางกลับจากกัมพูชา ผ่านทางจังหวัดลำปาง พระธุดงค์ท่านนั้น
ได้พบกับ อาจารย์ถวิล มิลินทจินดา ท่านได้มอบองค์ครูกายแก้วให้อาจารย์ถวิล หลังจากนั้นอาจารย์ถวิลได้บูชาครูกายแก้วเรื่อยมา
ว่ากันว่า อาจารย์ท่านเริ่มมีชื่อเสียงและมีเงินทองมากขึ้น อาจารย์ถวิลส่งต่อองค์ครูกายแก้วให้กับ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข นำไปหล่อขึ้นรูปองค์ใหญ่ เพื่อบูชา
จากเรื่องเล่า ประวัติครูกายแก้ว ที่บอกไปว่า เมื่ออาจารย์ถวิลท่านได้บูชาครูกายแก้วไปแล้ว ทำให้ท่านเริ่มมีชื่อเสียง เงินทองกว่า จึงมีความเชื่อว่า
ถ้าใครได้บูชาหรือนับถือ ครูกายแก้วจะช่วยในเรื่องความร่ำรวย ความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จ อีกความเชื่อหนึ่งคือ ช่วยในเรื่องค้าขาย
การพูดจา สามารถโน้มนาวใจคนให้หยุดฟังได้ เรียกได้ว่า สะกด ดึงดูดลูกค้านั่นเอง ทำให้ค้าขายได้กำไร เงินทองไหลมาเทมาแน่นอน
ประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ให้ความนิยมในการบูชาครูกายแก้วมานานแล้ว เพราะถือว่าท่านเป็นเสมือนเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยนั่นเอง
บทสวดบูชาครูกายแก้ว
- บทสวดสั้น
- นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธ ธัสสะ (ตั้งนะโม 3 จบ)
- มะอะอุ ครูกายแก้ว เมตตา จะมหาราชา สัพพะสเน่หา มะมะจิตตัง ปิยังมะมะ (สวด 9 จบ)
- ขอพรอย่างไรให้สมหวังดั่งใจคิด
- เริ่มแรกให้ตั้งนะโม 3 จบ จากนั้นสวดคาถาบูชาครูกายแก้วในข้างต้น ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ ระบุชื่อ-นามสกุลจริง วันเดือนปีเกิดให้ชัดเจน ก่อนจะขอพรตามตามต้องการ
- โดยอาจจะนำของบูชามาถวาย ได้แก่ ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ทองคำเปลว หมากพลู มะพร้าวน้ำหอมเผา น้ำหอม หรือน้ำปรุงผลไม้ 3-5 อย่าง เช่น มะพร้าว แอปเปิล กล้วย สาลี่ หรือตามสะดวก และของหวาน 3-5 อย่าง เช่น มะพร้าวแก้ว ขนมถั่วแปบ ขนมชั้น หรือตามสะดวก
เขมรบอกไม่มี ประวัติครูกายแก้ว
จากที่ตำนานเล่ามาว่า พระองค์หนึ่งไปดุดงธ์ที่นครวัดนครธม ที่ประเทศกัมพูชาได้รับองค์ครูกายแก้วมา ทางไกด์ของกัมพูชา ปฏิเสธว่าไม่มี ไม่รู้จัก
ทำไกด์มาเป็น 20 กว่าปี ไม่เห็นรู้จักเลยว่าครูกายแก้วคือใคร ทำไมถึงบอกว่าเป็นบรมครูทางไสยเวท รวมไปถึงพระธุดงค์ที่ว่า
เดินเท้า ปักกลดที่นครวัดหรือนครธมนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีพระมานั่งสมาธิในที่แห่งนี้หรอก เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผู้คนพลุกพล่าน
คนเดินไปเดินมา ถ่ายรูปกันเยอะแยะ ส่วนใหญ่เจอแต่พระซื้อทัวร์หรือจัดทัวร์มาชมโบราณสถานแห่งนี้ และไกด์คนดังกล่าวยังบอกว่า
เดินปราสาทบายนมาเยอะอยู่ แต่ทำไมเค้าไม่เคยเห็นรูปครูกายแก้วเลย ที่อ้าวว่าเป็นครูไสยเวทของพระเจ้าชัยวรมเทวะที่ 7 ตามจารึกนั้นไม่พบชื่อครูกายแก้ว
แต่พบชื่อ ศรีมังคลารถเทวะ และ ศรีชยกีรติเทวะ เพียง 2 ท่านเท่านั้น นอกจากนี้ไกด์ ยังบอกอีกว่า ถ้าไม่เชื่อที่ผมบอก ต้องมาเรียน อักษรในจารึกเขมรโบราณดู
หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ชี้ไม่มีหลักฐานยืนยัน เรื่องครูกายแก้ว โปรดอย่างมงาย
หมอบี บอกว่า ประวัติครูกายแก้ว ไม่มีหลักฐานชัดเจน ในการอ้างอิง แต่ด้วยความเขาอ้างอิงมาตั้งแต่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งเก่าแก่มาก
บวกกับใช้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาประกอบ ซึ่งจริงๆ มันไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่เรารับรู้กัน ถ้ากล่าวอ้างถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
แล้วเอามารวมกับภาพศิลปะบนกำแพง หรืออะไรก็ตาม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องครู อาจารย์ เพราะตัวท่านเองให้ความเคารพนับถือ
ศัทธาพระพุทธศาสนาในเชิงมหายานค่อนข้างลึกซึ้งมาก เราจะเห็นได้จาก บนเศียรมงกุฎของท่านจะเป็นพระอมิตาภพุทธเจ้า
เอาจริง ๆ เราต้องถามตัวเองว่าเราเป็นใคร ไหว้สิ่งนั้นไปเพื่ออะไร ถ้าถามว่าควรไม่ควรที่จะกราบไหว้ ตอบตัวเองก่อนว่า ถ้าไหว้แล้วจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นจริงเหรอ
หรือจะมีเงินมีทองเพิ่มมากขึ้น พรหรืออะไร พร แปลว่าประเสริฐ อยากชีวิตประเสริฐก็ทำตัวเอง ไม่งั้นเราจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร
ถ้าดีจริง เราขออะไรไป ต้องได้ซิ ขอให้มีเงิน โดยที่ไม่ต้องทำมาหากิน ขอให้เรียนหนังสือได้ดี ๆ โดยที่เราไม่ต้องเข้าเรียน ถ้าขอแล้วได้จริง ค่อยว่ากัน
บอกอีกรอบ ครูกายแก้ว ไม่มีหลักฐาน เคยได้ยินเรื่องนี้มานานเป็นสิบปีแล้ว ซึ่งมันไม่มีหลักฐาน ส่วนตัวของไม่เชื่อแล้วกัน ใครเชื่อก็แล้วแต่
การที่คนหันไปพึ่งพารูปปั้น หรือใด ๆ มันเป็นการสะท้อนชัดเจนมาก ว่าสังคมเราหาที่พึ่งไม่ได้ ไปพึ่งอย่างอื่นมากกว่าตัวเอง สังคมกำลังอ่อนแอ
ส่วนที่หลายคนกลัวเรื่องอาเพศ ถ้าเจอหรือลบหลู่ หมอบีบอกว่าก็ไม่ต้องไหว้ เราอยู่ในที่ที่เราเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องกลัว จะใช่หรือไม่ใช่ มันจำเป็นจริง ๆ เหรอ
ที่เราต้องไปไหว้ การที่บอกว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันอาจจะแปลก ๆ ไปซะหน่อย ถ้าไม่เชื่อ เราต้องหาความรู้ไม่ใช่คล้อยตามอะไรไปง่าย ๆ
เรื่องของครูกายแก้ว เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล แต่ก่อนจะเชื่อใด ๆ โปรดหาข้อมูลให้ถ่องแท้เสียก่อน ค่อยตัดสินใจแล้วกัน