พระบิดา ลัทธิประหลาดในไทย กินสิ่งปฏิกูล เพื่อรักษาโรค

สะพรึงมาก อะไรคือการกินสิ่งปฏิกูลรักษาโรค  อึ ฉี่ เสมหะ ก้อนขี้ไคล้ แถมยังพบศพ 11 ศพ ถูกอ้างว่ารอส่งขึ้นสวรรค์ จ้าวสำนักเป็นชายสูงวัยอ้างตัวเป็น พระบิดา ของทุกศาสนา

มีคนหลงเชื่ออีกด้วย โดยหมอปลา นายจีรพันธ์ เพชรขาว พาสื่อมวลชน ตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชัยภูมิ เข้าไปตรวจดูสำนักประหลาด เป็นกระท่อม ฤาษีปฏิบัตธรรม

ของนายทวี หนันลา หรือ ฤาษีทวี อายุ 74 ปี เป็นคนจังหวัดขอนแก่น ใช้สถานที่นี้เปิดเป็นสำนัก สำหรับใช้วิธีประหลาดในการรักษาโรคต่าง ๆ แบบไม่ถูกสุขลักษณะ

• กาโตะ กับสาวที่มีอาการไบโพลาร์ และตำนานรักริมเขื่อน

พระบิดา ให้สาวกกิน อุจจาระ ปัสสาวะ ขี้ไคล เสมหะ เกิดสารพัดโรคทำให้เจ็บ ป่วย และตายได้

แค่นึกภาพขึ้นมา เรานี่ปวดหัว เวียนหัว จะแหวะออกมาเลยทีเดียว มีคนเชื่อแบบงมงายมาก กล้าจะกินเข้าไปด้วย เค้าถูกสะกดจิตแบบไหน ถึงกล้ากินสิ่งปฏิกูลพวกนี้

มันไม่ได้ช่วยรักษาโรคเลยนะ มันสร้างให้เกิดโรคเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น พยาธิสารพัดตัว ไม่ว่าจะเป็น พยาธิไส้เดือน พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวตืด มาพร้อม

กับสรรพคุณให้เกิดโทษอีกเพียบ ไหนจะโปรโตซัว เจ้าตัวนี้ทำให้เกิดโรคบิด อีกทั้งยังมีไวรัส เช่น ท้องร่วง ไข้หวัดใหญ่ โรคตับอักเสบ A เป็นต้น ไหนจะเชื้อ

ไข้รากสาด เชื้อวัณโรค โรคบิด โรคอหิวาตกโรค มาจากแบคทีเรีย มัยโคแบคทีเรีย ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะ หรือโอสถทิพย์เลยนะ ญาติใครงมงายอยู่ พาไปพบแพทย์ได้เลยนะ

ฤาษีทวี เจ้าลัทธิประหลาด มักให้ลูกศิษย์กิน ปัสสาวะ กินเสมหะ กินอุจจาระ รวมถึงขี้ไคล เพื่อเป็นยารักษาโรค โดยบอกว่าใครที่กินไปแล้วนั้น เวลาตายไปจะขึ้นสวรรค์

โดยลูกศิษย์เล่าว่า ใครจะรักษาด้วยการกินขี้ไคลหรือสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ นั้น ไม่ได้ถูกบังคับให้กิน อยู่ตรงความสมัครใจของคนป่วย โดยส่วนใหญ่จะถูกรักษาด้วยสมุนไพรพิเศษ

และถูกสอนให้ใช้ชีวิตในอาศรมนี้ด้วยความเรียบง่าย อยู่ด้วยการแบ่งปันซึ่งกันและกัน สอนให้เอื้อเฟื้อ โดยมีลูกศิษย์ชายและหญิงอยู่ร่วมกันเกือบ 100 คนเลยทีเดียว

11 ศพ ภายในสำนัก

พระบิดา นอกจากจะมีวิธีการรักษาโรคแบบประหลาด ดูแล้วช่วยเพิ่มโรคให้เป็นมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังมีการรักษาผิวให้ผ่องใสด้วยการนำน้ำเหลืองศพมาทาผิวหน้า ผิวกาย

ถ้าเป็นคนดี จะได้กลิ่นของน้ำเหลืองเป็นกลิ่นดอกมะลิ กลิ่นดอกกุหลาบ คนบาปจะได้กลิ่นเหม็น ภายในกระท่อมของฤษีทวีไว้นอนหลัง มีโลงศพเป็นโลงแก้วสีขาวตั้งอยู่

ชื่อนางวัล เป็นศพของแม่ฤษี นอกนั้นเป็นของลูกศิษย์ซึ่งเคารพนับถือกัน 2 ศพ และอีก 1 ศพ เป็นโลงของเด็กทารก แต่ละโลงศพจะถูกเจาะและใส่ท่อเพื่อการระบายน้ำเหลือง

สำหรับลูกศิษย์คนไหน เชื่อฤษีคนนี้จะนำน้ำเหลืองจากศพ ไปทาหน้าถือว่าเป็นยารักษาโรค นอกจากนั้นยังมีอีก 7 โลงศพ ถูกแยกเก็บไว้ตามจุดต่าง ๆ บางโลงศพ

ตั้งไว้ในกระท่อม บ้างโลงศพทำเป็นแบบฝังลอย รวมทั้งหมด 11 ศพด้วยกัน โดยแต่ละศพ ญาติได้ยินยอม ศพทุกศพมีการแจ้งตายเรียบร้อย โดยมีผู้ใหญ่บ้านเซ็นรับรอง

เพียงแต่ศพของเด็กทารกนั้นไม่มีใครแจ้งเรื่อง นางวิลัยวรรณ แม่ของเด็กที่เสียชีวิตนั้นบอกว่า เด็กอยู่ในโลงศพชื่อว่า น้องจันทร ลูกชายได้เสียชีวิตเพราะติดเชื้อ

ในกระแสเลือด ตอนอายุ 1 ขวบ 17 วัน เมื่อทำเรื่องแจ้งตายเสร็จแล้ว นำศพลูกมายังสำนัก โดย พระบิดา บอกว่าไม่ต้องทำอะไรให้เอาใส่โลงไว้ แล้วเค้าจะดูแลเด็กคนนี้เอง

เพื่อให้เด็กได้ขึ้นสวรรค์ นางวิลัยวรรณเชื่อ จึงได้นำศพของลูกมาไว้ในสำนักนี้ ขณะเดียวกัน 10 ศพที่เหลือนั้น ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ญาตินั้นได้มาแจ้งกับตนเองว่าจะนำศพไป

ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามขั้นตอนต่าง ๆ แต่ทำไมคนในสำนักนี้จึงแอบเก็บศพไว้โดยไม่บอกตน ดังนั้นจึงส่งศพทั้งหมดไปชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง

ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จะได้เป็นหลักฐานไปเพื่อไปดำเนินคดีต่อไปเกี่ยวกับศพและเรื่องฌาปนสถาน แม้จะมีการแจ้งตายแล้ว อีกทั้งยังระว่ามีการ

ฌาปนกิจด้วยการเผา แต่ไม่ได้เผา ไม่ได้ดำเนินการามความถูกต้อง ตำรวจแจ้งว่าจะประสานกันเพื่อเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นได้ออกมาชูป้ายขับไล่อีกด้วย

ลัทธิประหลาด บนโลกใบนี้

โอมชินริเกียว คือ ลัทธิสุดโต่งของประเทศญี่ปุ่น ก่อคดีเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยการปล่อยก๊าซพิษซารินในรถไฟใต้ดินของเมืองโตเกียว ลัทธินี้ก่อตั้งโดย

เจ้าลัทธิ โชโกะ อาซาฮาร่า มีชื่อจริงว่า ชิซูโอะ มัตสึโมโตะ มุ่งเน้นไปในวันสิ้นโลก ถ้าใครมานับถือลัทธินี้ เขาจะเป็นผู้นำพาสาวกทั้งหลายไปสู่การปลดปล่อย

วันที่ 20 มีนาคม 1995 สาวกโอมชินริเกียวปล่อยแก๊สพิษซารินในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว มีคนเสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บกว่า 6,200 ราย หลังจากนั้นสาวก

ผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ ได้ถูกจับกุมได้ ซึ่งเค้าอ้างว่าการก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ เป็นหนทางหนึ่งเพื่อปลดปล่อยมนุษยชาติ และถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

The Trust of Euthanasia นี่คือลัทธิประหลาดอีกลัทธิหนึ่ง มีความเชื่อว่า โลกกำลังจะล่มสลาย ดังนั้นจึงตั้งกฏหนึ่งสำคัญมากขึ้นมา นั่นคือ

ห้ามสืบพันธุ์ ห้ามมีลูก อีกทั้งยังเห็นดีเห็นงามกับการให้ทำแท้ง ทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้มีการตั้งท้อง เพื่อลดอัตราการเกิดของทารก จนเป็นลัทธิ

ที่ถูกตำรวจเพ่งเล็งอย่างมาก จนผู้นำลัทธิ ชื่อว่า คริส นั้น ถูกทำร้ายขณะตอนเขานั้นไปยืนถือป้ายชุมนุมอยู่ เป็นการจบลัทธิลงในปี พ.ศ. 2543

เรื่องราวประหลาดของลัทธิต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่จะพึ่งมี แต่มีมานานแล้ว เกิดในประเทศของเรา หรือต่างชาติ ซึ่งในโลกใบนี้ยังมีอีกหลายลัทธิที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

บางลัทธิรุนแรงมากถึงขนาดก่อเหตุเป็นคดีฆ่าคนตาย บางลัทธิทำลายชีวิตคู่ ทำลายชีวิตครอบครัว คิด วิเคราะห์ แยกแยะ กันให้ดีก่อนจะปักใจเชื่ออะไรง่าย ๆ