ระบบเผาผลาญ กับการลดหุ่น กินอย่างไรให้กระตุ้นการเผาผลาญ
วันนี้ แม่หมีจะมาพูดถึง วิธีการเพิ่ม ระบบเผาผลาญ ให้กับร่างกาย มีหลาย ๆ คนเคยสังเกตตัวเองไหมว่า เรากินยังไงก็อ้วน จะกินน้อย กินมาก กินมื้อ อดมื้อ หรือจะคุมอาหาร ก็ยังอ้วน แต่ในขณะที่บางคน กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน สาเหตุก็คือ คนแต่ละคน มีการเผาผลาญที่ต่างกัน
บางคน เผาผลาญดี ก็จะไม่อ้วน สำหรับแม่หมี คือ ประเภทที่กินหรือไม่กิน ก็อ้วน เพราะ ระบบเผาผลาญพัง ในส่วนของคนที่การเผาผลาญดีเกินไป อาจจะผอมเกินมาตรฐาน แต่โดยส่วนใหญ่ ระบบเผาผลาญที่มันเสื่อม หรือมันแย่ลง
เกิดจากการไม่ใส่ใจ ในการเลือกกินอาหาร อาจจะเป็นด้วยปัจจัยที่ว่า มีอะไร ก็กินแบบนั้น กินตามสะดวก หรือกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือดื่มน้ำน้อย ก็เป็นปัจจัยสำคัญ รวมไปถึง เรื่องของอายุ เพศ แล้วก็ กรรมพันธุ์ด้วย
แต่เมื่อร่างกาย เผาผลาญได้น้อยลง สรุปก็คือว่า มันก็จะอ้วนขึ้น อ้วนขึ้น ต่อให้กินน้อย ยังไงก็ไม่ผอม ดังนั้น เราต้องมาปฏิวัติ วิธีการกินกันใหม่ มาปฏิบัติตัวกันใหม่ เรียกว่าการ กู้ระบบเผาผลาญ ให้กลับมาทำงาน ได้เป็นปกติ เพื่อให้ระบบการเผาผลาญดีขึ้นกว่าที่เคย
ในตัวของแม่หมีนี้ ระบบเผาผลาญเสีย เพราะว่าการอดอาหาร อด อดตลอดเวลา กินแต่น้ำเปล่า ซึ่งเป็นการลดความอ้วน ที่ผิดวิธี ตอนนั้น ยังไม่ได้ศึกษา วิธีการลดความอ้วน วิธีการกำจัดไขมันส่วนเกิน ใครบอกอะไร ก็ทำตาม หนึ่งในนั้น ก็มีวิธีการอดอาหาร
พอวันหนึ่ง ที่เราอดอาหาร ไปเยอะ ๆ แล้วพอถึงเวลาหนึ่ง ระบบเผาผลาญ ไม่ทำงาน เนื่องจากไม่มีอาหาร ร่างกายของคนเรา ฉลาดมาก ปรับตัวได้ไวมาก ดังนั้น หลังจากที่ระบบการเผาผลาญคิดว่าร่างกายเรา ไม่มีอาหาร ทีนี้ พอเรากินอะไรเข้าไป มันจะไม่เผาผลาญเลย กลายเป็นกักตุนอย่างเดียว
วิธีการที่แม่หมีจะพูดถึง เพื่อ กู้ระบบเผาผลาญ มันอาจจะยาก สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีระเบียบ และคน คนนั้นก็คือ แม่หมีเอง แบบแม่หมีนี่แหละ ที่ใคร ๆ ก็บอกว่า เรื่องกิน ไร้ระเบียบมาก แต่ก็ต้องทำ ตามที่แม่หมีหาข้อมูลมา สรุปให้เป็นข้อง่าย ๆ 7 ข้อ ดังนี้
1. จงอย่าปล่อยให้ร่างกายของเราหิว เมื่อร่างกาย หิว ซ้ำ ๆ ซาก ๆ จากการอดอาหาร
ระบบของร่างกาย ก็จะกักตุนอาหาร ทันที ดังนั้น การแก้ให้ระบบ เริ่มเผาผลาญดีขึ้น คือ ต้องพยายามกิน ให้ต่อเนื่อง โดยการกินแบบ แบ่งเป็นมื้อย่อย จริง ๆ แล้วการแบ่งมื้ออาหาร ให้เราแบ่งแบบนี้นะ ในแต่ละ 1 มื้อ อย่ากินให้มันอิ่มเกินไป ให้กินแบบน้อย ๆ แค่พออยู่ท้อง
แล้วก็แบ่งเวลา ของมื้อ ในแต่ละมื้อ ให้สั้นลง เพื่อเป็นการกระตุ้น ระบบเผาผลาญ
อย่างบางคน 1 วัน อาจจะกิน 4 มื้อ หรือ 6 มื้อ แต่ไม่ใช่มื้อใหญ่ ที่กินแล้ว โอ้โห !! อิ่มแปล้ อิ่มแบบบุฟเฟ่ แบบนั้นไม่ใช่ มันผิดหลัก เดี๋ยวจะกลายเป็นกรดไหลย้อนซะก่อน
2. การเสริมโปรตีน ให้เพิ่มมากขึ้น โปรตีน จะกระตุ้น ให้ช่วยเร่งการเผาผลาญ
พลังงาน ได้ดีกว่าไขมัน (ไขมันมีอะไรบ้าง มันหมู เบค่อน หรือ ไขมันในพืช กะทิ) หรือคาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรต คืออะไร ก็คือ ข้าว แป้ง น้ำตาลเผือก มัน เหมือนที่เราเรียนมาสมัยเด็ก ๆ) เพราะว่าร่างกายเรา ต้องใช้พลังงานมากขึ้น
ในกระบวนการย่อยอาหาร ร่างกายจะเผาผลาญ แคลอรี่เป็น 2 เท่า ในการย่อยโปรตีน พวกเนื้อสัตว์นี่แหละ ดังนั้น เราจึงให้เพิ่มการกินโปรตีน ซึ่งหลาย ๆ คน จะใช้พวก หมูเนื้อแดง สันใน สันนอก แล้วก็พวก สันในไก่ อกไก่ ไข่ต้ม เป็นตัวกระตุ้น การเผาผลาญ
3. การยกน้ำหนัก หรือการทำเวทเทรนนิ่งนั่นเอง เป็นการช่วยกระตุ้น ให้ร่างกายเรา มี ระบบเผาผลาญ ที่ดีขึ้น เพราะว่า กล้ามเนื้อ ที่มีอยู่ในตัวเรา จะเป็นตัวที่ช่วย ในการเผาผลาญ โดยเมื่อเราออกกำลัง ด้วยการยกน้ำหนักแล้วก็เพิ่มกล้ามเนื้อ ก็จะช่วยทำให้ร่างกาย เผาผลาญแคลอรี่ ได้มากขึ้น ถ้าตัวเรามีแต่ไขมัน ระบบการเผาผลาญก็จะไม่ดี
4. การออกกำลังกายแบบ hitt เป็นการออกกำลังกาย สไตล์คาร์ดิโอผสมกับการออกกำลัง
กายแบบหนัก ๆ สลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ ประมาณว่า ให้เราวิ่งเหยาะ ๆ 1 นาที แล้วพอหลังจากนั้น ก็วิ่งเร็วอีก 30 วินาที แล้วก็กลับมาวิ่งเหยาะ ๆ อีก 1 นาที แล้วก็วิ่งเร็ว 30 วินาที ทำแบบนี้สลับกันไป บางคนอาจจะทำแบบนี้ 5 เซต แล้วก็เปลี่ยน หรือทำแบบนี้ 10 เซต แล้วก็เปลี่ยน นึกภาพตามแม่หมีออกใช่มั้ย
5. การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาผลาญเพิ่มขึ้น
คาร์ดิโอ คืออะไร ก็คือการออกกำลังกาย แบบที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ปอดและหัวใจ นั่นเอง เพื่อให้นำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ ตามความแรง ของการกระแทก ที่เกิดขึ้น ตามชนิดกีฬา
คาร์ดิโอแบบ Lower Impact คือ การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ก็คือ ว่ายน้ำ เดิน ขี่จักรยาน และคาร์ดิโอแบบ Higher Impact คือ การรออกกำลังกาย ที่เกิดแรงกระแทกช่วงข้อต่อ ก็มี วิ่ง กระโดดเชือก
6. อย่าออกกำลังกายมากจนเกินไป อย่าหักโหม เพราะว่า ถ้าเราออกกำลังกายอย่างหนัก
ติดต่อกัน 2-3 ชั่วโมงทุก ๆ วันร่างกายของเรา จะทำงานหนัก จนเกินไป อะไรที่มันหนักจนเกินไป มันก็ไม่ใช่สิ่งดี เพราะว่าร่างกายและกล้ามเนื้อ ต้องการการพักผ่อน ต้องการ การซ่อมแซมและฟื้นตัว
7. การเผาผลาญของคุณ จะดีขึ้น ถ้าเลี่ยงพฤติกรรม การกินแหลก แดร๊กบุฟเฟ่ทุก ๆ วัน หรืออดอาหาร การดีท็อกซ์ การใช้ยา จะนำมาสู่โรคอ้วน และการเผาผลาญที่เสื่อม
เคยบอกไปแล้วว่า ตัวแม่หมีเอง ระบบเผาผลาญ เสื่อม เพราะว่าการอดอาหาร รวมไปถึง การใช้ยาลดความอ้วนด้วย การอดอาหาร และไม่ออกกำลังกาย ก็นำแม่หมีมาสู่น้ำหนัก 95 กิโลกรัม พร้อมของแถม คือ โรคอ้วนระดับที่ 2 รวมถึงมี ไขมัน ในเลือด มีไขมันเลวในร่างกาย เยอะกว่าไขมันดี
รวมไปถึง อาการนอนกรน หายใจสะดุด ระหว่างนอน ซึ่งอันตรายมาก ก็กลับไปตามอ่านย้อนได้นะ จริง ๆ แล้วทุกวันนี้ ก็ว่ายน้ำอยู่ แต่ว่าการว่ายน้ำ ของแม่หมี ไม่ช่วยทำให้น้ำหนักลง แต่การว่ายน้ำของแม่หมี ช่วยทำให้ระบบหัวใจ ของแม่หมี แข็งแรง
อันนี้ ก็สอบถามจากโค้ชแล้ว เพราะกลัว ระบบเผาผลาญ เราพังอีก ทำไมเราว่ายน้ำทุกวัน แต่น้ำหนักไม่ลง โค้ชที่เป็นเพื่อนกัน ก็บอกว่า เราว่ายน้ำ เป็นแบบคาร์ดิโอ แต่คือว่าว่ายแบบเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก มันก็เลยไม่ได้ทำให้น้ำหนักเราลง เหมือนพวกวิ่ง กระโดดเชือก แต่อย่างไร
แต่ช่วยในเรื่องสุขภาพแข็งแรงขึ้น ก็โอเคนะ การออกกำลังกายของแม่หมี อาจจะมีเวลาไม่มากในแต่ละวัน ด้วยสภาพ ภาระของงาน ภาระของที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งการออกกำลังกาย เพียงแต่ว่าอยากจะบอกทุกคน อย่าห่วงในเรื่องของน้ำหนักมากนัก จะได้ไม่เครียดไง
แต่เอาเป็นแข็งแรงอยู่ ไม่ได้ทำอะไรแล้วเหนื่อยง่าย ไม่ได้นอนกรน คืออย่างที่บอก มันต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปน้ำหนักอาจจะไม่ลงเลยใน 3 เดือน แต่ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็จงยินดีกับร่างกายที่แข็งแรงขึ้น จะดีกว่า โฟกัสเรื่องน้ำหนัก
ก็ฝากเรื่องการกู้ ระบบเผาผลาญ ทำยังไง ให้มันดีขึ้นกว่าเดิม แม่หมีก็เป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนด้วยละกัน เราต้องสร้างแรงบวกให้กับตัวเอง เพื่อที่จะสู้กันต่อไป กลับน้ำหนักส่วนเกิน ไขมันส่วนเกิน และสร้างกล้ามเนื้อ ให้ได้ซักวันหนึ่ง สู้ ๆ กันต่อไป พร้อมกับแม่หมีนะ
ที่มา :