วันป้องกันการฆ่าตัวตาย
วันป้องกันการฆ่าตัวตาย โลก (World Suicide Prevention Day) ทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ ‘Creating Hope Through Action’ ในช่วงระหว่างปี 2021-2023
มีผู้ฆ่าตัวตาย 700,300 คนต่อปี สถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และในทุก ๆ ปี จะมีคนคิดสั้นฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น 20 คน และทำให้มีอีกหลายคน ที่อยากฆ่าตัวตาย
NHS Health สกอตแลนด์ มีเอกสารออกมา บอกว่า จากความเชื่อที่ว่า หากมีใครซักคน พูดถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ทำกัน อย่าไปคิดแบบนั้น
หากเราดูคนที่เรารู้จัก คนที่เราใกล้ชิด แล้วมีพฤติกรรมที่อดทำให้ห่วงไม่ได้ หากเราสงสัยว่าเค้าคิดจะฆ่าตัวตายหรือไม่ เราควรถามออกไปได้เลย
เมื่อมีคนรู้จักฆ่าตัวตาย จะส่งผลต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง ด้วยการสร้างความตระหนัก ลดการฆ่าตัวตาย สร้างแนวทางป้องกันอย่างจริงจัง น่าจะลดการฆ่าตัวตายลงได้ทั่วโลก
วันป้องกันการฆ่าตัวตาย โลก
วันป้องกันการฆ่าตัวตาย โลก ตรงกับวันที่ 10 กันยายน ของทุกปี ทางองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้เป็นวันคือ World Suicide Prevention Day โดยประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003)
- การอยากฆ่าตัวตายนั้น มีปัจจัยหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ภาระไม่มีประโยชน์ การสูญเสียคนที่รักไป มีปัญญหาด้านการทำงาน การถูกทารุณกรรม ปัญหาหนี้สิ้น ความเครียด และภาวะซึมเศร้ารุนแรง ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้คนนั้นคนรู้สึกเจ็บปวด เกินจะแบกรับไว้ได้อีกต่อไป
- การแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ไม่สนใจสิ่งรอบตัว หงุดหงิดและโมโหง่าย หมดหวัง ท้อแท้ มีภาวะซึมเศร้า มีข้อสงสัยว่า ทำไมเราต้องมีแต่ความทุกข์ ทำไมไม่มีความสุขเหมือนคนอื่น อยากตาย เขียนจดหมายลาตาย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสัญญาณเตือนว่า คน ๆ นั้น มีแนวโน้มว่าจะฆ่าตัวตาย
วิธีจัดการกับความคิดอยากฆ่าตัวตาย
มันอาจจะเป็นเรื่องยาก ถ้าเราบอกให้ใครซักคน จัดการกับความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย หรือให้เราจะไปพูดกับใครซักคน ให้เค้าล้มเลิกและให้รักษาชีวิตของตัวเองไว้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ
- หมั่นฝึกปล่อยวางความคิด ประคองสติให้อยู่กับปัจจุบัน มองทุกสิ่งด้วยความจริง ตามแต่เหตุและปัจจัย ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
- หาเพื่อนสนิท หรือคนในครอบครัวที่รู้สึกว่า คุยด้วยแล้วเราจะสบายใจ เพื่อระบายความรู้สึก
- เขียนไดอารี่ วาดภาพ เป็นอีกช่องทางในการระบายความเครียด ระบายความรู้สึก
- หากิจกรรมที่สนใจ หรือกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข ตั้งสมาธิกับกิจกรรมที่กำลังทำ เพื่อไม่ให้คิดในสิ่งที่เครียดหรือทุกข์ใจ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดความเครียด ความหดหู่ ความเศร้าลงได้
การออกกำลังกายรักษาอาการโรคซีมเศร้า
การชวนทุกคนมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาอาการโรคซึมเศร้าง ไม่อยากให้ยอดในแต่ละปีของ วันป้องกันการฆ่าตัวตาย โลก เพิ่มขึ้น
โรคซึมเศร้า เป็นปัญหาใหญ่ของคนทั่วโลก คนป่วยกลุ่มนี้้ ต้องมารักษา รับยา และร่วมทำกิจกรรมกลุ่มบำบัด และมีการกระตุ้น ให้คนป่วยซึมเศร้า
รักษาด้วยการออกกำลังกาย เพื่อลดปริมาณยาในการรักษาลง เมื่อผู้ป่วยจำนวน 191,130 คน ที่ถูกติดตามผลการรักษา 3 ปี มีจำนวนลดลง 11.5 เปอร์เซ็นต์
เมื่อพวกเขาหันมาออกกำลังกาย การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยบรรเทาโรคซึมเศร้าแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคได้มากถึง 18 เปอร์เซ็นต์
การออกกำลังกายสัปดาห์ละ 150 นาที จะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น เพราะร่างกายจะหลั่งสารเคมีอย่าง เอนเดอร์ฟินออกมา ทำให้เรามีความสุข
- วิ่ง (Running) คือ การออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด และได้เหงื่อเป็นอย่างดี การออกกำลังกายให้ได้เหงื่อมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคซึมเศร้าได้เทียบเท่ากับยารักษาอาการซึมเศร้าเลยทีเดียว อีกทั้งการจดจ่ออยู่กับการวิ่ง จะช่วยให้เรามีสมาธิ ไม่คิดฟุ้งซ่าน
- โยคะ (Yoga) เป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้สมาธิ มีแนวโน้มจะลดความเครียด ความกังวล ความกดดัน และอาการทางประสาทได้ดี
- รำไท่เก๊ก (Tai Chi) คือ การออกกำลังกายของชาวจีน เราจะเห็นในซีรีย์จีนบ่อย ๆ เป็นการฝึกลมปราณ ฝึกสมาธิไปพร้อมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการทำกิจกรรมแบบกลุ่ม ทำให้สร้างความสนุกสนาน ลดความเครียด คลายความวิตกกังวล
- ปั่นจักรยาน (Cycling)ถือเป็นกิจกรรมยามว่างที่สนุกเพลิดเพลินไปกับการรับชมทัศนียภาพของสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ป็นการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ และกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ใบหน้าจะดูสดใส อ่อนเยาว์ อีกทั้งทำให้สุขภาพจิตของนักปั่นจักรยานดีขึ้น นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเต้นซุมบ้า (Zumba) การออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยม สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการเต้นแอโรบิกแบบทั่วไป ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ เต้นซุมบ้าสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต การเต้นซุมบ้าทำให้เราสนุกสนาน กระตุ้นการหลั่งเอ็นดอร์ฟินในร่างกาย ความสุขก็จะเข้ามาแทนที่ สภาพจิตใจก็จะพลอยดีขึ้นไปด้วย
- การเดิน (Walking) เหมาะสำหรับคนที่อยากออกกำลังกายแบบเซฟเข่า ลดแรงกระแทกระหว่างออกกำลังกาย การเดินออกกําลังกายนั้นช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ ช่วยให้สมองของเราหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมากขึ้น มีผลให้คุณอารมณ์ดี หรือจิตใจแจ่มใส นอกจากนี้ การเดินยังจัดว่า เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการขจัดความเครียดถึงขั้นสามารถรักษาอาการซึมเศร้าได้