วันผู้บริจาคโลหิตโลก (World Blood Donor Day) 14 มิถุนายน ของทุกปี
วันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.คาร์ล ลันด์สไตเนอร์ แพทย์ชาวออสเตรีย-อเมริกัน ถือเป็น วันผู้บริจาคโลหิตโลก (World Blood Donor Day)
แพทย์ผู้นี้ มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1868-1943 ดร.คาร์ล ลันด์สไตเนอร์ เป็นผู้จำแนกหมู่โลหิต A, B และ O ได้สำเร็จเป็นคนแรก ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่องานบริการโลหิตทั่วโลก แพทย์ผู้นี้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยา หรือแพทยศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1930 อีกทั้งยังค้นพบด้วยว่า
การถ่ายเลือดให้กับคนหมู่เลือดเดียวกัน เซลล์เม็ดเลือดนั้นจะไม่ถูกทำลาย ทำให้วงการแพทย์ช่วยเหลือชีวิตของมนุษย์โลกได้อีกเป็นจำนวนมาก
งานวิ่งเดือนกรกฎาคม 2565 มาแล้วจ้า
กิจกรรม วันผู้บริจาคโลหิตโลก
สำหรับคนกรุงเทพ ร่วมฉลองวันแห่งการขอบคุณ “ผู้ให้” ด้วยการบริจาคโลหิต World Blood Donor Day 2022 ระหว่างวันที่ 13 – 17 มิถุนายน 2565
กับกิจกรรมบริจาคโลหิต พร้อมรับเสื้อยืดเป็นของที่ระลึก ได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีหน่วยรับบริโลหิตอีก 7 แห่ง เพื่อน ๆ เช็คสถานที่
รับบริจาคเลือดในโครงการ ฯ นี้ได้ที่ https://shorturl.asia/XZeoD กิจกรรม “ทำดีโชว์โซเชียล” ติดแฮชแท็ก #สามัคคีคือพลัง #ส่งต่อโลหิต #wbdd2022
สำหรับคนจันทบุรี วันอังคาร 14 มิถุนายน 2565 เราไปเจอกันได้ที่ ฮอลล์ ชั้น 2 Central Chanthaburi ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. โดยภายในงานนี้
ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับเสื้อที่ระลึก ส่วนสำหรับสายบริจาคอย่างหนาแน่น 100 ครั้งขึ้นไป รับเกียรติบัตรอีกด้วย อีกทั้งยังมีของแจกและมีรางวัลมากมาย
นอกจาก Central Chanthaburi ใครสะดวกจะไปที่ธนาคารเลือดโรงพยาบาลพระปกเกล้า PPKBloodBank ไปได้เลย เพราะการให้เลือดเท่ากับให้ชีวิต
ข้อดีของการบริจาคโลหิต
ตรวจสุขภาพฟรี
การไปบริจาคโลหิตแต่ละครั้ง ถ้าร่างกายไม่ดีจริง จะส่งผลฟ้องได้ทางผลเลือด ดังนั้นถ้าสุขภาพไม่ดีจริง ไม่สามารถบริจาคได้ จึงเหมือนกับ
เราได้รับการตรวจสุขภาพไปในตัว ทำให้รู้ปัญหาสุขภาพของตัวเราเองได้ไวมาก ถือเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย
ไม่ว่าจะเป็น การตรวจหาแอนติบอดี้ การตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C หรือตรวจหาเชื้อ HIV และ ซิฟิลิส ฟังจาก หมอแล็บแพนด้า ได้เลย
สร้างเม็ดเลือดใหม่
การบริจาคโลหิตไม่ได้ทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงเลย บางคนเข้าใจผิดมาตลอด เลยไม่ไปบริจาคกัน แต่จริง ๆ แล้วเราไปสละเลือดบางส่วน
ในร่างกายออกไปบ้าง ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพแต่อย่างใดเลย เพราะร่างกายคนเราจะมีเลือดประมาณ 17 – 18 แก้ว แต่ระบบร่างกายของเราใช้จริง ๆ แค่
15 – 16 แก้วเท่านั้น ดังนั้นเรายังมีเลือดส่วนเกิน ไม่ได้ใช้เหลืออยู่ตามธรรมชาติแล้ว เลือดในส่วนที่ไม่ได้ใช้ จะถูกขับออกเพราะหมดอายุ
ออกมาทางปัสสาวะหรือไม่ทางอุจจาระ ซึ่งเอาไปบริจาคดีที่สุด ได้ประโยชน์ด้วย ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เราสามารถบริจาคเลือดได้ทุก 3 เดือน
ไขกระดูกจะถูกกระตุ้น แล้วไปสร้างเม็ดเลือดใหม่ มีคุณภาพขึ้นมาทดแทน ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ร่างกาย สุขภาพแข็งแรง
ทำให้ร่างกายเราเจ็บป่วยน้อยลง เห็นถึงข้อดีของการไปบริจาคโลหิตแล้ว ว่างไปบริจากกันได้นะ ใกล้จะ วันผู้บริจาคโลหิตโลก แล้วด้วย
ผิวพรรณสวยใส
การบริจาคโลหิตช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดของร่างกายเราดีขึ้น เมื่อการไหลเวียนดี จะทำให้ลำเลียงเอาอออซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
รวมถึงเซลล์ผิวหนังของเราด้วย ดังนั้นคนบริจาคเลือดทุก 3 เดือน จะเป็นคนมีน้ำมีนวล ผิวสวย ผิวใส มีเลือดฝาด ผิวมีออร่ากว่าเดิม
ลดโรคต่าง ๆ
มีการพบว่า ผู้บริจาคเลือดนั้น มีแนวโน้มในการยืดอายุ ทำให้อายุยืนขึ้น อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งตับ
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้มากกว่าคนไม่เคยบริจาคเลือดเลย แถมเรายังลดธาตุเหล็กส่วนเกินในร่างกาย สาเหตุแห่ง
การเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลับ โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ได้อีกด้วย อย่ากลัวการไปบริจาคเลือดกันเลยนะ ข้อดีมีเยอะเลย
ผู้มีความสุข
การเป็น “ผู้ให้” ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเอง สร้างประโยชน์ต่อคนอื่นและสร้างประโยชน์ต่อสังคม
เป็นการทำความดี แบบไม่ยาก ไม่ลำบากเลย เอาชนะความกลัวให้ได้ หลาย ๆ คนกลัวเข็ม กลัวเจ็บ เอาจริง ๆ เจ็บแค่ตอนเอาเข็มจิ้มลงไปไม่ถึง
10 วินาทีเลย เราจะได้บุญยิ่งใหญ่กลับมา ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่น ใช้เวลาไม่นานในการบริจาคเลือด ไม่น่าจะเกิน 20 นาที (ถ้าคนไม่เยอะ)
อีกไม่กี่วันจะถึง วันผู้บริจาคโลหิตโลก (World Blood Donor Day) 14 มิถุนายน อยากเชิญชวนทุกคนไปรวมบริจาคเลือดกัน
ใครไม่เคยไปมาก่อน ลองเปิดใจดู ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เรามีรีวิวด้วย บริจาคเลือด เตรียมตัว อย่างไร มีข้อห้ามอะไรบ้าง มาดูรีวิวนี้กันได้เลย