เกาะช้าง ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง
“ทริปไปไหน ไม่รู้” Ep.1 (หลอกน้อง ไป เกาะช้าง )
วันนี้เราพบกันอีกแล้ว กับอุมาและอาเฮีย แห่งสายชิลล์พาเที่ยว กับความสนุกของการเดินทาง ที่จะไม่บอกล่วงหน้าว่าไปไหน ให้ผู้ร่วมเดินทาง เดากันเอาเอง จนกว่าจะถึงเช้าของวันเดินทาง
อุมากับอาเฮียจะมาเฉลยว่าเราจะไปไหน จึงมีชื่อทริปว่า “ทริปไปไหน ไม่รู้” ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นทริปแรกของเรา กับโปรแกรมที่ตั้งไว้แล้ว แต่ไม่ได้บอกคนที่จะไปด้วย
บอกแค่ว่า เราจะ ไปเที่ยวทะเล แต่คือ ไปทะเลไหนไม่รู้ สำหรับทริปแรกนี้ ขอประเดิมด้วย เกาะช้าง ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่ง ในจังหวัดตราด ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ในบรรดา 52 เกาะ ของจังหวัดตราด และใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากเกาะภูเก็ต เนื้อที่รอบเกาะ ก็มีอาณาเขตบริเวณของเนื้อที่ โดยประมาณแบบคร่าว ๆ 429 ตารางกิโลเมตร
ใครที่เคยขึ้น เกาะช้าง ก็จะรู้จักลักษณะของเกาะดี ว่าการขับรถขึ้นเกาะ มีความยากลำบากอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เสียทาง ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขา – ลงเขา ซึ่งมันมีทางคดเคี้ยว
แล้วก็มีโค้งตัว s ที่อันตราย อยู่ประมาณ 3 โค้ง ไหนจะทางลงเนิน ก่อนที่จะถึงจุดชมวิว เลยหาดไก่แบ้ไปหน่อย ทางขึ้นก็ชัน ตอนลงก็หวาดเสียว เราก็มาอธิบายให้เห็นภาพ
เกี่ยวกับลักษณะของเกาะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่ใช่คนพื้นที่ เลยหวาดเสียวทุกโค้ง ทุกทางขึ้นเขา ทุกทางลงเนิน ไหนจะเจอรถใหญ่ รถบรรทุก ที่ขับช้า ๆ ทำให้เราเสียจังหวะตอนที่เรากำลังขึ้นเขา
บางคนอาจจะบอกว่า ไม่เห็นน่ากลัวเหมือนที่เราบอกเลย ขอโทษด้วยคือ อุมามีปมเรื่องขี่รถในเกาะช้าง มาก่อน มันก็เลยยังหลอน ๆ ทุกครั้งที่ไป
ด้วยตัวของเรากับอาเฮียเอง เคยมาเกาะช้างแล้ว เคยมาดำน้ำแล้วแหละ หนหนึ่ง มาพร้อมกันทั้งบ้าน และน้องอีกคน ส่วนตัวของเราเอง มาบ่อยแล้ว เพราะมากับที่ทำงาน แต่ทุกครั้งที่มา ก็นั่งรถตู้ตลอด
ไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์เลย มีครั้งนั้นแหละ ที่มาแล้วมาประสบอุบัติเหตุ ระหว่างกำลังขี่รถไปที่พัก เหตุเกิดไม่ห่างจาก อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะช้าง มากนัก ด้วยความที่ไม่ชำนาญพื้นที่
น้องที่มาด้วยกัน เป็นคนเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจาก ขี่ตามรถใหญ่ แต่รถใหญ่ชะลอ เพื่อที่เปลี่ยนเกียร์ แล้วเหมือนรถมันจะถอยหลังลงมา น้องอาจจะตกใจ รีบเบรค พอเบรค ก็ล้มทันที
แต่ดีมากตรงที่ว่าเจ้าหน้าที่อุทยาน รีบขับรถลงมาช่วยเคลียร์ทาง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เพราะตรงนั้น เป็นโค้งตัว s เป็นทางขึ้นเขา อีกฝั่งก็ลงเขา ซึ่งอาจจะมองไม่เห็นรถที่ล้มอยู่
เจ้าหน้าที่ รีบพาน้องไปอนามัย ไปดูอาการบาดเจ็บก่อน เบื้องต้นน้องเจ็บหลัง จากการล้ม แล้วกระแทกกับพื้น ส่วนตัวรถก็มีรอยถลอกนิดหน่อย เป็นอุบัติเหตุ ที่เราเห็นภาพชัดเจน
ครั้งนั้น ถือว่าโชคดีมากกว่าอีกหลาย ๆ เคสที่เกิดขึ้น และนี่ก็คือปมในใจของเรา และในวันนี้ ก็มาถึงกับทริปที่ต้องไป เกาะช้าง อีกครั้ง ด้วยรถมอเตอร์ไซค์
พวกเรา รีบออกจากจันทบุรีแต่เช้า ตอนนี้ทางไป ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ มีการทำทาง ทำถนนด้วย ใครกำลังจะไป ก็ขับขี่ระวังด้วยนะ พอเรามาถึง ก็ต้องจอดซื้อตั๋วขึ้นเรือกันก่อน
ตั๋วสำหรับคนขึ้นเรือ ผู้ใหญ่ ราคา 80 บาท รถของเรา 300 cc. คิด 80 บาท ของน้องอีกคน คันเล็ก 40 บาท แล้วก็ไปจอดรถ เพื่อรอที่จะขึ้นเรือเฟอร์รี่ ข้ามไป ใช้ระยะเวลาในการนั่งเรือข้ามไป 30 นาที
เจ้าหน้าที่ จะมีที่ให้มอเตอร์ไซค์จอด ถ้ามอเตอร์ไซค์ขึ้นมาก่อน ก็จะจอดตรงใกล้ ๆ กับทางขึ้นบันได หรือด้านท้ายของเรือ เจ้าหน้าที่เขาก็ดูแลดีมาก
วันนี้ไปนั่งเรือเฟอรี่ พาน้อง ๆ เที่ยว เกาะช้าง กัน ไปด้วยกันทั้งหมด 3 คัน นั่งเรือข้ามไป สนุกตรงที่ว่า น้อง ๆ ไม่รู้ว่า “ทริปไปไหนไม่รู้” จะพาน้อง ๆ มาขึ้นเกาะกัน
พอถึงทางขึ้นเกาะ ก็อธิบาย น้อง ๆ อีก 2 คัน ถ้าเห็นรถใหญ่ รถบรรทุก รถอะไรก็ตามที่มันเป็นรถใหญ่ หรือรถกระบะที่มันบรรทุกอะไรหนักๆ ให้ทิ้งช่วงห่างจากรถพวกนี้ ในระยะทางห่างเยอะ ๆ เลยก็ดี
ด้วยสภาพที่ถนน เป็นเลนคู่ รถวิ่งสวนกัน มันแซงยากมาก เพราะว่าเป็นทางโค้ง มีหน้าผา ภูเขา ขี่ไปเรื่อย ๆ ก็ได้ มันจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ การเดินทางต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ก็บอกน้อง ๆ ไว้
อย่าประมาทเนาะ ไปเรื่อย ๆ เอาจริง ๆ คือ ระหว่างที่เราผ่านตัวโค้งรูปตัว S ทั้ง 3 โค้ง เราไม่ได้กดถ่ายคลิปวีดีโอ หรือถ่ายรูปเลย เราไม่มีกะจิตกะใจที่จะถ่ายรูปมันเหมือนกับว่าภาพมันก็ยังหลอน ๆ อยู่
บรรยากาศ ก็เหมือนเดิม มันก็สนุกนะ แต่ว่ามันร้อนมาก บนเกาะทำไมมันไม่เย็นเหมือนฝั่งแหลมงอบเลย อากาศมันคนละแบบ คนละเรื่องเลย บนเกาะร้อนมาก ร้อนแบบหิวน้ำตลอดเวลา
เราก็พาน้องแวะกินข้าวก่อนเลย ที่ร้านหนองบัว ซึ่งเราติดใจรสอาหารร้านนี้ ราคาปกติ อย่างที่บอก ข้าวร้านนี้ตอนที่เราไปครั้งก่อน คืออร่อยมากโดยเฉพาะเป็ด สั่งบะหมี่เป็ด ข้าวหน้าเป็ด
แต่ตอนนี้เขาบอกว่าเนื่องจากสถานการณ์ covid – 19 นักท่องเที่ยวน้อย ก็เลยยังไม่ได้สั่งเป็ดมาลง เพื่อทำอาหาร แต่คาดว่า ปลายปีนี้ น่าจะคนเยอะ ทางร้านจะเปิดเมนูเป็ดเหมือนเดิม
เราใช้เวลาอยู่ตรงจุดนี้นานมาก ๆ เพราะมีทางลงหาดสาธารณะ อยากเล่นน้ำทะเลใส ๆ อีกหนเหมือนกัน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้าเราไม่ได้ทำการจองห้องพัก เราจะหาน้ำจืดอาบไม่ได้ อดเล่นน้ำโดยปริยาย
วันนี้ เราก็ว่ายังไม่คึกคักเหมือนเดิม คงต้องใช้เวลาอีกซักหน่อย เพราะนักท่องเที่ยว ต่างชาติยังเข้ามาเที่ยวไม่ได้ คนไทยส่วนใหญ่ ก็จะพักตามรีสอร์ท หรือโรงแรมใหญ่ ๆ
หรือตามที่มีสวนน้ำให้เล่น ในส่วนของรีสอร์ทเล็ก ๆ หรือโฮมสเตย์ ก็ยังค่อยข้างเงียบเหงาบางตาอยู่ ตามร้านค้าทั่วไป เขาเรียกอะไร พวกเหมือนบาร์ ซุ้มเครื่องดื่มเล็ก ๆ ร้านทะเล ปิ้งย่าง
เราไม่รู้ว่า เขาเปิดร้านหรือยัง หรือยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านของเขาก็ได้ ก็ถามแม่ค้า ถามพนักงานที่โรงแรม ก็บอกว่า ช่วงนี้เริ่มมีคนมาเที่ยวบ้าง มีมาเยอะขึ้นกว่าเดิม เริ่มคึกคัก คึกคัก
เราไปไม่ได้ถึงบางเบ้า หมู่บ้านชาวประมง สุดปลายทางของเกาะ เนื่องด้วยทางที่จะไป มันคดเคี้ยวเสียเหลือเกิน เราก็เลยไม่อยากให้น้อง ๆ ไปเสี่ยง พาขึ้นเนิน ลงเนินชัน ๆ ก็พอ
แล้วก็จอดถ่ายรูป เสพความงามของธรรมชาติของทะเลตรง จุดชมวิวไก่แบ้ มองมุมสูงของ เกาะช้าง รถตู้ รถยนต์ จอดชมวิวกันให้พรึบทีเดียว ก็อย่างว่า ตรงนี้สวยจริง ๆ เป็นที่เช็คอินได้ดี
จากมุมสูงตรงนี้ เรามองเห็นได้รอบ ๆ เกาะเลยทีเดียว พี่เจ้าหน้าที่ใจดี ให้ข้อมูลร้านกาแฟมาด้วย ว่าตรงไหนอร่อย แล้วก็ตรงไหนน่าเที่ยว หลังจากที่อกหักเพราะอดเล่นน้ำทะเลไปแล้ว
ก็ไปตามหาร้านกาแฟ ตามที่พี่เจ้าหน้าที่เค้าบอก ราคากาแฟบนเกาะของร้านนี้ 95 บาท ต่อ 1 แล้ว เอาวะ แลกกับให้เด็กแสบ ได้วิ่งเล่นทะเล ลงแช่น้ำซะหน่อย แต่ก็ไม่มีที่ให้อาบน้ำจืดอยู่ดี
แก้ปัญหาไม่ยาก เอาน้ำดื่มมาล้างทรายออกก็พอ หลังจากนั้น ก็ว่าจะแวะไปอ่างเก็บน้ำ เขาระกำ แต่ก็งด เพราะทุกคนต่างร้อนและเพลียแดดมาก ๆ เราก็บึ่งออกจาก เกาะช้าง
ออกจาก ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ มุ่งตรงกลับจันทบุรีกันเลย แวะเที่ยวรายทางไม่ไหว แดดแรง จนรู้สึกหนืดคอ คล้ายจะเป็นลม ต้องแวะหาข้าว หาน้ำทาน ที่ ปตท. ขลุง พักตากแอร์ในร้านไก่ แล้วก็แยกย้ายกันนกลับบ้าน
เป็นอันจบทริปสั้น ๆ One Day Trip ของพวกเรา ชาวสายชิลล์เมืองจันท์ กับทริป “ไปไหนไม่รู้” Ep. 1 หลอกน้องขึ้น เกาะช้าง ไว้รอบหน้าพบกันใหม่ มาดูกันว่าเราจะหลอกน้องไปไหนต่อ
แผ่นที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ เกาะช้าง
ฝากกดติดตามพวกเราได้ ในเพจ สายชิลล์พาเที่ยว แล้วแวะมาเที่ยวกับพวกเราได้นะ