เรื่องลี้ลับ ม.แถวปทุม ประสบการณ์หลอนของคนจิตอ่อน
ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า เรื่องราว เรื่องลี้ลับ ม.แถวปทุม วิญญาณนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่ความคิด จินตนาการ ความกลัว เลยสร้างให้เราสร้างภาพนั้นขึ้นมา
ทุกคนรู้จักคำว่า “ผี” มาตั้งแต่เด็ก พร้อมกับคำพูดว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินมาบ้างแหละ ผู้หลักผู้ใหญ่บอกกล่าวกันมา แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เจอ
วันนี้เราเอาประสบการณ์ของหลาย ๆ คน ยืนยันว่าเค้าได้ประสบพบเจอผีหรือวิญญาณ ภายในมหาวิทยาลัยแถวปทุม เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หอพัก ชั้น 8 ตำนาน เรื่องลี้ลับ ม.แถวปทุม
เรื่องเล่าของผมเกิดขึ้นเมื่อตอนเรียนอยู่ปี 1 หอเลขคี่ ชั้น 8 ห้องริมสุดทางเดิน ใช่ครับ หอที่มีข่าวคนเสียชีวิตชั้น 5 นั่นแหละ คือ หอที่ผมพักอาศัยอยู่
แรก ๆ ดูแล้วสภาพแบบวังเวง น่ากลัวมาก ร้าง ๆ ไม่ค่อยมีคนอยู่ แต่ความสงบถูกใจผมมาก เลยตกลงพักที่นี่ ในห้องนอกจากผม ยังมีเมทด้วยอีก 1 คน
วันนั้นเมทไปนอนหอนอก ผมเลยเปิดโทรทัศน์นอนดูเพลิน ๆ หูฟังเสียง ถ้าจำไม่ผิด น่าจะไม่เกินเที่ยงคืนได้ ผมได้ยินเสียงโหยหวนของผู้หญิงดังมาไกล ๆ
ซักพักเสียงค่อย ๆ ดังชัดขึ้นเรื่อย ๆผมงี้ขนลุกตั้งเหมือนหนังไก่เลย เป็นเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความไม่ได้เลยว่าพูดอะไรอยู่ แถมหมายังหอนรับกันเกรียว
ไอ้เราตั้งใจฟังว่าเสียงมาจากข้างห้อง หรือมาจากในห้องเรากันแน่ เสียงนั้นดังอยู่นานพอสมควร ผมตั้งจิตภาวนาในใจ ผมขอนอนหน่อยเถอะ
อย่ามารบกวนกันเลย แล้วอีกครั้งหนึ่งที่เจอ แต่เป็นเมทของผมเจอนะ เค้าคุยกับแฟนในเฟสไทม์ แล้วแฟนมองในกล้อง สังเกตเห็นอะไรบางอย่างแถว ๆ ประตูหลัง
เลยถามไปว่า ประตูหลังมันเป็นอะไร เมทที่อยู่ห้องเดียวกับผมบอกว่า นั่นเป็นห้องซักล้าง มีอะไรหรือเปล่า แฟนเค้าบอกว่าเห็นประตูมันเปิดเอง ปิดเองได้
แล้วเลยวางสายกันไป เมทผมมาเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่คุยกับแฟนอยู่ ได้ยินเสียงขวดตก แต่ขวดนั้นเป็นขวดแชมพู มียาสระผมหมดไปแล้ว
แต่ขวดไม่ได้เบาเหมือนขวดน้ำหรอกนะ มีน้ำหนักพอสมควร เพราะเป็นพลาสติกหนา ไอ้ขวดเจ้าปัญหานี้กระเด็นออกมาจากถุงที่เก็บเองเฉยเลย
ถ้าไม่มีใครเปิดถุงมันจะหลุดออกมาได้อย่างไรกัน นอกจากเรื่องนี้ ยังมีเรื่องของเสียงกระดิ่งดังระหว่างทางเดินที่จะเข้าห้อง เมทผมบอกเสียงดังกริ๊ง ๆ
ผมเลยหยุดเดิน แล้วดั้งใจฟังเสียง ผมไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งอะไรเลย แต่เมทผมได้ยิน มันรีบวิ่งหนีกลับเข้าห้องไปนอนคลุมโปร่งเลย
ด้วยความสงสัยผมเลยเดินดูบริเวณแถวนั้น เผื่อมันจะมีโมบายอะไรแขวนอยู่ แล้วเปล่าเลย ไม่มีอะไรที่ส่งเสียงกริ๊ง ๆ ตามทางเดินเลย
ผมเลยกลับเข้าไปในห้อง บอกเมทว่าไม่มีอะไรหรอก คงเสียงลอยตามลมมา แล้วเดินเข้าห้องซักล้างไป เอาขวดน้ำไปทิ้งในถุงที่แขวนไว้ตรงลูกบิดประตู
ตอนเช้าเมทกำลังอาบน้ำอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปเก็บของในห้องซักล้าง เจอขวดน้ำตกอยู่ที่พื้น ก้มลงเก็บใส่ถุงไว้เหมือนเดิม สงสัยอยู่ว่า
เมื่อวานยัดลงถุงไปแล้วนี่หน่า ทำไมถึงตกอยู่ได้ หรือก้นถุงมันขาด ผมเลยก้มลงมา แว๊บนั้นฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า เมทเคยเล่าให้ฟังว่า
ได้ยินเสียงขวดหล่น ตอนคุยกับแฟน และแฟนของเมทบอกอีกว่า ประตูของห้องซักล้างมันปิด ๆ เปิด ๆ เองได้ เลยปิดประตูห้องซักล้าง
รีบเดินออกมานั่งด้านนอกบนเตียง สิ่งที่ผมกับเมทเห็นพร้อมกันคือ ประตูห้องซักล้างมันสั่นแรงมาก ลูกบิดถูกบิดจากด้านนอนอย่างแรง
ผมนี่แทบจะร้องไห้เลย ทั้งผมทั้งเมทไม่กลับขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง ในวันนั้นต้องไปหานอนกันตามห้องเพื่อนหอใกล้ ๆ เพื่อนผมห้องใกล้กัน
ขอตามไปนอนหออื่นพร้อมผมด้วย ด้วยความกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร พวกเราตัดสินใจย้ายหอกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันครบเทอมแรกด้วยซ้ำ
มันทนอยู่ไม่ไหวแล้ว ผมขอไปทำเรื่องย้ายออก ถึงพึ่งมารู้ว่า ชั้นนั้นแทบไม่เหลือคนอยู่แล้ว พวกเค้าย้ายออกไปเกือบหมดทั้งชั้น
แต่ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอะไร สำหรับผม คนไม่เคยเจออะไรมาก่อนเลยทั้งชีวิตในช่วงนี้ พอมาพักห้องนี้ เจอทั้งเสียง
เจอทั้งภาพประตูถูกบิดอย่างแรง ไหนเมทเราได้ยินเสียงกระดิ่ง แฟนเมทเห็นประตูห้องซักล้าง เปิดเองปิดเอง ใครไม่เชื่อที่ผมเล่า
ตามสบายเลย อยากห้เจอจัง ๆ แบบผมบ้าง ผมนี่เชื่ออย่างสุดใจ มันหลอนจนต้องย้ายออก ถ้าให้ทน คงได้ประสาทเสียแน่นอน
ฉันว่าเธอเห็น เปรต
เป็นเรื่องที่เพื่อนร่วมเอกของเราประสบพบเจอมา ขอใช้ชื่อสมมติละกัน คนแรกชื่อ มิก คนสองชื่อ น้ำ เพื่อนเราทั้ง 2 คนนี้อยู่ที่หอพักเดียวกัน
มิกอยู่ชั้น 2 ส่วนน้ำอยู่ชั้น 4 ห้องของทั้งคู่นั้น อยู่ตรงกันเพียงแค่คนละชั้นเท่านั้นเอง เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ขึ้นเต็มดวง
ขึ้น 15 ค่ำพอดี พวกเค้าทั้ง 2 เตรียมตัวสอบ ทำให้ต้องอ่านหนังสือกันอย่างหนักมาก ตั้งแต่ช่วงเย็น ๆ ไปจนถึงประมาณ 5 ทุ่มเห็นจะได้
มิกคนที่อยู่ชั้น 2 นั้น รู้สึกว่าล้าสายตามาก หนังตาจะหลับเต็มที่ เลยลุกขึ้นยืน และเดินไปหยุดที่หน้าต่าง มิกเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่าน
ทันใดนั้นเค้าเห็นบางสิ่งบางอย่างยืนโงนเงน อยู่ด้านนอก ถ้าฉันจำไม่ผิด มิกบอกว่ามันคือช่วงลำตัวยาวไปจนถึงต้นขา มิกกรี๊ดลั่นห้อง
เธอตั้งสติได้รีบปิดม่าน วิ่งออกจากห้องของตัวเอง ระหว่างที่กำลังวิ่งอยู่ตรงทางเดิน เธอได้ยินเสียงกรี๊ดที่อยู่ด้านบนหัวเธอ มิดเรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน
ห้องของเพื่อนที่ชื่อน้ำบนชั้น 4 พร้อมเคาะประตูรัว ๆ พอน้ำเปิดประตูออกมา สภาพของเธอน่าสงสารมาก น้ำหู น้ำตาไหลพราก ยืนตัวสั่นปากสั่น
ไม่พูดอะไรซักคำ นอกจากร้องไห้ตลอดเวลา มิกดึงมือน้ำให้รีบวิ่งออกจากห้อง โดยไม่มองไปทางหน้าต่างเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่อยากเห็น
ส่วนที่อยู่สูงกว่าช่วงอกไปด้านบน หลังจากนั้นมิกกับน้ำ มาคุยเรื่องนี้ให้กับเราฟัง สรุปกันเองว่า ที่เห็นนั้นใช่เปรตหรือเปล่า
ของเก่า มีประวัติ
สถานที่แห่งนี้ เป็นอีก 1 ที่ มีหลายคนยืนยันใน เรื่องลี้ลับ ม.แถวปทุม เสียงเล่าลือ เล่าอ้าง เยอะมาก พี่ รปภ.กะดึกไม่สามารถอยู่ได้เลย
ต้องคนเจ๋งจริง ๆ เท่านั้นถึงจะอยู่รอด ตึกแห่งนี้ถูกนำมาแบ่งเป็นสตูลดิโอด้วย ในส่วนที่ใช้สำหรับเก็บของเก่านั้นมีเหลือบริเวณตรงกลาง
ด้านซ้ายนิดหน่อย ถูกปิดไปในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปดูชมได้เหมือนเดิมแล้ว มีทั้งของใช้โบราณ ของร่วมสมัย
แล้วสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้มาจากการขุดค้น สิ่งของส่วนใหญ่นั้นมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนำมาบริจาคให้ ซึ่งท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว มาเข้าสู่เรื่องหลอนของบริเวณนี้กัน
ผมเป็น รปภ. อยู่ในที่แห่งนี้ พระเต็มคอ แต่ผมท้อใจทุกวันถ้าต้องมากะกลางคืน ผมไม่มีสัมผัสที่ 6 แต่อย่างใด ส่วนเพื่อนร่วมงานของผมเห็นบ่อยเชียว
สมมติว่าชื่อ พี่ยาม 2 แล้วกัน พี่เค้าบอกว่าบางวันไฟในห้องเก็บของปิดเอง พอบ่นว่าใครแกล้งนี่ เดี๋ยวไม่ชวนกินข้าวเลย ไฟที่ปิดไปแล้ว
กลับสว่างขึ้นมาได้อีก อเมซิ่งมากครับ เรื่องไฟเปิด – ปิดนี้ มักมากับเสียงเด็กวิ่งเล่น พี่ยาม 2 แกว่าอาจจะเป็นรักยม แถมพี่เค้ายังเคยเห็นผู้ชายแก่คนหนึ่ง
ท่านนั่งอยู่ข้างตู้พระไตรปิฎก ลักษณะเหมือนกอดหรือนั่งอุ้มตู้ใบนี้อยู่ พอแกขยี้ตา ชายแก่ท่านนั้นหายไปแล้ว ถ้าให้ผมเดาจากเรื่องเล่านี้
ผมว่าลุงเค้าอาจจะเป็นเจ้าของตู้ใบนั้น ไม่น่ามีชีวิตอยู่แล้ว ท่านเสียชีวิตไปแล้วแน่นอน คงจะห่วงตู้ใบนี้มาก เลยมาปรากฏให้พี่เค้าเห็น
นอกจากเรื่องของพี่ยาม 2 แล้ว ยังมีเรื่องของนักศึกษาด้วย น้องมาเล่าให้ผมฟังว่า พี่รู้หรือเปล่า ปีก่อนโน้นที่นี่มีการจัดงานทำบุญ เลี้ยงเพล
ตอนที่พระกำลังสวดมนต์อยู่ ด้านหลังของอาสนะพระสงฆ์นั้น มีคนหลายคนยืน หนูเห็นเต็ม ๆ สองตาเลยนะพี่ ขนงี้ลุกซู่
จะลุกหนีออกไปเลย ก็ทำไม่ได้ จะกรี๊ดก็ไม่กล้ากรี๊ด เพราะคนในงานเยอะมาก ผมโชคดีมาก ที่ไม่เคยเห็นอะไรเลย
เคยคิดเหมือนกัน ถ้าเห็นจะ ๆ เหมือนพี่ยาม 2 ผมคงจับไข้หัวโกร๋นแน่นอนเลย อาจถึงขั้นลาออก ไปหางานใหม่ทำทีเดียว
หลอน 3 หน
เรื่องลี้ลับ ม.แถวปทุม เพื่อนบอกผมเป็นคนโชคดี สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับได้ ผมไม่คิดว่านั่นเป็นคำชื่นชมหรอกนะ ครั้งแรกในชีวิตของผม วันนั้นใกล้สอบ
ผมเรียนปริญญา 2 ที่ มีที่ มสธ. และที่นี่แหละ ผมอยู่หอโซนบี เมทร่วมห้องผม ไปเที่ยวกลับมาไม่ทันหอปิด ห้องรุ่นพี่ข้าง ๆ ดันไม่อยู่เหมือนกัน
เหลือแต่คนที่ผมไม่รู้จักใครเลย นอนอ่านหหนังสือไปเรื่อย ถ้าจำไม่ผิด เกือบ ๆ ตี 1 ได้แล้วมั้ง ผมดันปวดฉี่ อยากเข้าห้องน้ำ กำลังจะลุกขึ้นมาจากเตียง
หูได้ไปได้ยินเสียงคนร้องไห้ และเสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิง แต่นี่หอพักชาย เสียงร้องไห้ลอยมา กระซิก ๆ อยู่พักใหญ่ ผมได้ยินเสียง
เสียงคล้ายเหมือนคนกรี๊ด ตามมาด้วยเสียงของหล่นดัน ตุ๊บ เหตุการณ์แบบนี้วนอยู่ 3 รอบติดต่อกัน ห้องผมเปิดแอร์ และปิดกระจกไม่น่าจะมีเสียงอะไร
เล็ดลอดเข้ามาได้ดังขนาดนี้ ไม่ต้องสืบครับ ผมปิดไฟนอนทันที ใครจะไปนั่งฟังตุ๊บที่ 4 กันล่ะครับ ไม่ไหวจะเคลียร์
ครั้งที่ 2 ผมนอนอ่านหนังสือเหมือนเคย ตี 1 กว่า ๆ เวลาเดิมเลยครับ กำลังจะลุงไปปิดไฟนอน เสียงระนาดลอยตามลมมา เป็นเสียงไม่ดังมาก
ใครกันล่ะ จะนึกฟิตมาซ้อมระนาดตอนตี 1 กว่า ๆ และที่สำคัญห้องผมปิดกระจก เปิดแอร์ไง ผมค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดไฟ คลุมโปงนอนทันที
ครั้งที่ 3 ตึกเรียนชั้น 5 ของผมเอง ผมกับเพื่อน A และ B นั่งคุยกันในสตูห้องเล็ก และในห้องใหญ่ข้าง ๆ กันนั้นมีเพื่อน ๆ เกือบทั้งห้อง
นั่งทำงานอยู่ พวกเรา 3 คนคุยกันยาวไปเรื่อย ช่วงแดดกำลังโพล้เพล้ อยู่ ๆ ประตูห้องสตูเปิดออกเองเฉยเลย เรา 3 คนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
กระเด้งตัวขึ้นอัตโนมัติ รีบออกจากห้องนั้นกลับไปรวมกับเพื่อนในห้องใหญ่ทันที สตูห้องนั้น ลูกบิดประตูแข็งมาก
เราเปิดเข้าไปต้องออกแรงบิดแล้วดันประตู ใช้แรงพอสมควร ดังนั้นประตูมันจะเปิดออกมาเองไม่ได้ นี่แหละสิ่งที่เพื่อนบอกว่าผมโชคดี
เพราะคนบางคนอยากเห็น อยากเจอ ดันไม่เห็นไม่เจอ ถามผมบ้างไหม ว่าผมอยากเห็นอยากเจอหรือเปล่า
อยากให้ทุกคนอ่านเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ อย่าดราม่ากันนะ เพราะมีคนไม่เชื่อ มีคนไม่เคยเจอ จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ผีไม่มีจริง
แต่ในทางกลับกัน คนเคยเจอ คนเห็น แต่เค้าไม่สามารถหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน ให้คนอื่นสัมผัสได้ หรือมองเห็นในสิ่งที่เค้าเห็น
มักจะถูกมองว่า เพ้อเจ้อ อย่ามาอำ อย่ามาแกล้ง ถึงบอกว่าให้อ่านเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ หรือแต่งขึ้นมาแล้วกัน ครั้งหน้ามาเจอกันใหม่ กับเรื่องเล่าสนุก ๆ