Latestตำนานหลอน

เรื่องหลอน ม.แถวปทุม ตำนานความหลอน ถูกเล่าต่อกันมา

เรื่องหลอน ม.แถวปทุม ตำนานของแต่ละมหาวิทยาลัยมีอยู่ไม่น้อย เป็นเหตุการณ์ที่รุ่นพี่เล่าต่อสู่รุ่นน้อง และรุ่นสู่รุ่น บางทีเป็นอาจารย์

เล่าให้เด็ก ๆ ประจำหอพักฟังบ้าง แม่บ้านหรือน้ายามเล่าให้ฟัง เพื่อระวังตัวกันไว้ในช่วงยามค่ำคืน บางคณะมีเรื่องหลอน ๆ

เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่สมัยสร้างตึกกันเลยทีเดียว วันนี้เราขอเสนอ ตำนานหลอนมหาลัยแถวปทุม มาแบ่งปันความน่ากลัวไปพร้อม ๆ กัน

ชั้น 5 บวก ชั้น 8 เรื่องหลอน ม.แถวปทุม

เรื่องมีอยู่ว่า เราได้นั่งทำงานอยู่ที่ชั้น 5 ของตึกแห่งนี้ กับเพื่อน ๆ ของเรารวมแล้วทั้งหมด 7 คน ที่ตึกคณะแพทย์ ตอนนั้นถ้าเราจำไม่ผิดน่าจะเวลา

ประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ เห็นจะได้ อยู่ ๆ สายตาของเราก็จับจ้องไปที่วัตถุบางอย่าง รูปร่างคล้าย ๆ กับเงาคน เราคิดว่าคงมีคนเดินผ่าน

แถว ๆ หน้าต่างห้องไปนั่นแหละ เลยไม่ได้ตกใจอะไร นั่งทำงานต่อ จนมีเพื่อนในกลุ่มลุกออกไปเข้าห้องน้ำ พอกลับเข้าห้องมา

เค้าทำหน้าตกใจมาก บอกว่าเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่รู้จัก ไม่เห็นหน้า แต่ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ช้าง ๆ เพื่อนอีกคนที่นั่งทำงานอยู่กับเรา

ทุกคนได้แต่เงียบ มองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี เราเลยพูดขึ้นมาว่า เราเองเห็นอยู่นะ แต่เห็นเป็นเงา ๆ เดินผ่านห้องไป

ไม่คิดว่าเค้าจะเดินเข้ามาในห้อง มายืนอยู่ตรงที่พวกเราทำงาน เราและเพื่อน ๆ รีบเก็บของ กำลังจะกลับ เจอเพื่อนอีกกลุ่มที่มาทำงานเหมือนกัน

ทักพวกเราว่า อ้าว เมื่อกี้ใครเดินผ่านหน้าห้องไปทางห้องแล็ป มองเห็นหลังไว ๆ เราเลยตอบไปว่า ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้เราเห็นเค้าเปิดผ่านไปเหมือนกัน

หอพัก เรื่องหลอน หลอนมหาลัยแถวปทุม เรื่องหลอน ม.แถวปทุม

สงสัยไปทำงานในห้องแลปนั่นเอง งั้นเราขอตัวกลับกันก่อนนะ เสร็จงานพอดี หลังจากนั้นพวกเราทั้ง 7 คน รีบวิ่งเข้าลิฟท์ ลงจากตึกอย่างไว

ทิ้งปริศนาไว้ว่า เค้าคือใครกันแน่ หลังจากเรื่องเงาชั้น 5 ผ่านไปไม่นาน เรากับเพื่อน ๆ กลุ่มเดิมต้องไปทำงานบนแลปชั้น 8 ของตึกนี้

ทำงานไปซักพัก เหลือแค่เรากับเพื่อนอยู่กันแค่ 2 คน ในห้องนั้นพวกเราเปิดไว้แค่ครึ่งห้อง นั่งรองานจากเครื่องอยู่พักหนึ่ง กลิ่นดอกไม้ลอยโชยมา

เราทำจมูดฟุดฟิดแล้วมองหน้าเพื่อนเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เพื่อนตัวดีของเรานั่นซิ พูดออกมาเสียงอย่างดัง กลิ่นดอกไม้อะไรฟะ

แกได้กลิ่นเปล่า เรานี่มองตาเขียวเลย แล้วรีบบอกไปว่า จะทักทำไมเล่า เงียบไว้ซิ หลังจากผลเครื่องออกมาแล้ว เราและเพื่อนรีบลุกไปปิดไฟ

ปิดประตูออกจากห้องไปทันที เรามานึกดูอีกที ชั้น 9 บนอยู่ด้านบนหัวเรา มีอาจารย์ใหญ่อยู่ มีรุ่นพี่คนหนึ่ง เคยเล่าไว้ว่า สมัยตอนพี่เค้าต้องทำงานดึก ๆ

แล้วไม่กลับไปพักผ่อน หรือบางคนฟุบหลับไป จะรู้สึกเหมือนมีคนมาปลุก บางคนเห็นเป็นเงาคน บางคนได้กลิ่นดอกไม้

รุ่นพี่บอกว่า อาจเป็นเพราะอาจารย์ใหญ่ท่านเป็นห่วง ไม่อยากให้อยู่ดึกดื่นมืดค่ำมากนัก กลัวจะเกิดอันตรายเวลาเดินกลับไปหอ

ห้องพักผีสิง หอพักผีสิง เรื่องหลอนมหาลัยแถวปทุม ตำนานหลอน

หอในและห้องปิดตาย

หอใน (ชาย) ชั้น 3 ของ มหาลัยแถวปทุม หอนี้มีห้องปิดตายอยู่ ห้องนี้ถูกปิดทุกช่อง คนข้างนอกไม่สามารถมองเห็นด้านในได้เลย

แถมหน้าห้องติดผ้ายันต์สีแดงไว้หน้าห้อง นั่นแหละครับ ห้องที่ผมเคยนอนพัก ก่อนหน้านั้นพวกรุ่นพี่เล่ามาว่า ห้องนี้มีคนเสียชีวิตจริง ๆ นะ

หลังจากมีข่าว ทางหอพักปิดห้องนี้ อาจจะรีโนเวทห้องใหม่ หรือทำพิธีกรรมต่าง ๆ ห้องนี้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนผมมาพักนี่ มีคนอยู่ก่อนหน้า

แต่พวกนั้นเค้าย้ายออกไป ผมเห็นว่าบรรยากาศดี ห้องเย็นสบายไม่ร้อน และอยู่ใกล้ห้องน้ำอีกด้วย เอาจริง ๆ นะ ตอนผมเข้าพักวันแรก

ยังมีพวงมาลัยเก่า ๆ แห้ง ๆ แขวนอยู่หลังห้องอยู่เลย ผมไม่ได้พักคนเดียว แต่มีรูมเมทอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน ผมเองไม่ใช่คนมีเซ้นส์

ห้องปิดตาย หอในหลอน เรื่องหลอน ม.แถวปทุม

แต่เพื่อนผมจะได้ยินเสียงพัดลมดังมาจากเพดาน ทั้งที่ห้องผมเป็นแอร์ อดีตมีพัดลม แน่นอนล่ะ คนนั้นเค้าเสียชีวิตไป ผูกคอตรงพัดลม

ตัวที่ถูกถอดออกไปแล้วนั่นแหละ สำหรับผมไม่เคยเจออะไร แค่มีอาการหนังไก่ตั้งเป็นครั้งคราว ก่อนจะมีคนมาผูกคอหลายปีก่อน

พวกรุ่นพี่บอกอีกว่า มีนักศึกษามาพักห้องนี้ เค้าถูกรถชนและเสียชีวิตลง คืนนั้นเป็นวันฝนตก ช่วงเช้าเพื่อนร่วมห้องเห็นรอยน้ำเปียกแฉะบนเตียงนอน

ของคนที่ถูกรถชน ทำให้ผมแอบหลอนมากไปกว่าเก่าซะอีก หลังจากนั้นห้องนี้มีนักศึกษาวนเวียนเข้ามาพักเรื่อย ๆ แต่ไม่มีใครอยู่ได้ซักคนเดียว จนถูกปิดตายไปในที่สุด

ห้องพักปิดตาย หอพักปิดตาย ห้องปิดตาย หลอนมหาลัยแถวปทุม

เรื่องหลอน ม.แถวปทุม ศาลไม้ปริศนา กลางวงเวียน

เรื่องของผมเกิดขึ้นตอนปี พ.ศ. 2553 ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 4 มหา’ลัยแถวปทุม มีวันหนึ่ง ประมาณ 2 ทุ่มน่าจะได้ ผมกับเพื่อนปั่นจักรยานไปกินข้าวกัน

ต้องผ่านวงเวียน นึกยังไงไม่รู้ ผมไปจอดรถตรงสเตเดี่ยม แล้วหันกลับไปมองตรงวงเวียนที่ขี่ผ่านมา ผมเห็นศาลไม้ทรงไทย ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่

มีผ้าหลายสีพันไว้ ผมพูดกับเพื่อนเบา ๆ ตรงนี้มีศาลตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า ก่อนหน้านี้มีมั้ย ทำไมเราไม่เคยเห็นเลย เพื่อนผมมองหน้าไม่พูดอะไร

ยกมือไหว้ท่วมหัว ผมรีบยกมือไหว้ตาม และปั่นจักรยานต่อ เพราะหิวข้าวมาก ระหว่างนั้นก็เอาเรื่องศาลมาคุยกัน สงสัยอยู่ว่าเค้ามาทำพิธีตั้งศาลกันเมื่อไหร่

ในเมื่อเราผ่านมาทางนี้แทบทุกวัน ทำไมเราไม่ทันสังเกตเห็นเลย เพื่อนผมก็เลยบอกว่า เดี๋ยวกลับไปดูกันอีกที จะได้หายคล่องใจ ความสงสัยของผมและเพื่อน

เป็นเรื่องชวนให้ขนลุกและหลอนขึ้นมาทันที ศาลที่พวกเราเห็นไม่มีอยู่ตรงวงเวียงนั้น เพื่อนผมสติแตกมาก บอกให้รีบปั่นจักรยานออกไปจากตรงนี้ให้ไวเลย

ผมและเพื่อนกลับมาถึงห้องพักด้วยความกลัว นึกออกแค่ว่าต้องโทรหาแม่ ต้องเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง อย่างน้อยต้องมีใครซักคนรับฟังผมบ้าง

ก่อนผมและเพื่อนจะจิตตกไปมากกว่านี้ หลังจากโทรคุยกับแม่แล้ว ท่านแนะนำให้ผมและเพื่อนรีบสวดมนต์แล้วนอนซะ พรุ่งนี้เช้าให้ไปจุดธูปบริเวณนั้น

ศาลตายาย ศาลเพียงตา ศาลไหว้ผี

บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ถามท่านว่ามีอะไรให้ช่วย ต้องการอะไรหรือเปล่า ให้มาเข้าฝันบอกกล่าวกันได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ผมกับเพื่อนเรียนหนักมาก

รวมทั้งมีกิจกรรมของคณะ ผมต้องอยู่ทำจนฟ้ามืดอีกจนได้ ใจผมกลัว ๆ กล้า ๆ แต่ต้องทำตามแม่บอก จึงรีบปั่นจักรยานไปพร้อมเพื่อน

เมื่อไปถึงวงเวียน รีบจุดธูป แต่ไม่รู้จะต้องจุดกี่ดอก ผมเลยจะจุดธูปไป 3 ดอก แต่กว่าจะจุดติด เล่นเอาผมใจคอไม่ดีเลย เพราะมันใช้เวลานานมาก

หลังจากนั้นสวดมนต์ ท่องนะโม 3 จบ พูดตามคำแม่บอก พอผมจะปักธูปลงดิน มีก้านธูปเก่า ๆ ถูกปักอยู่ก่อนหน้าผมแล้ว 6 – 7 จุด

เล่นเอาผมและเพื่อนมือไม้สั่นเลยทีเดียว รีบปั่นจักรยานออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ผมอยากรู้ประวัติของศาลไม้ปริศนาในวันนั้น เลยไปเรียบ ๆ เคียง ๆ

ถามพี่ รปภ.แถวนั้นว่าพี่เค้าเคยเห็นศาลไม้มาก่อนหน้านี้หรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดไม่มีใครเห็นเหมือนผมและเพื่อนเลย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ผมแทบไม่เคยผ่านไปทางวงเวียนนั้นอีกเลย

เด็กหอ นอนหอ หอผีสิง หลอนมหาลัยแถวปทุม เรื่องหลอน ม.แถวปทุม

และนี่คือ เรื่องหลอน ม.แถวปทุม เราได้ไปรวบรวมมาจากประสบการณ์ตรงของหลาย ๆ คน เรื่องพวกนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ในการเสพสื่อด้วยนะทุกคน บางคนอาจจะไม่เชื่อ คิดว่าเป็นจินตนาการ คิดเอง สร้างขึ้นมาเอง สมมุติขึ้นมาเอง แต่อย่าลืมว่าเราไปห้ามความคิดของใครต่อใครไม่ได้หรอกนะ