ไซยาไนด์ หรือ โพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide)
ไซยาไนด์ หรือ โพแทสเซียมไซยาไนด์ (Potassium Cyanide) ที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คืออะไรกันแน่ ทำไมถึงมีฤทธิ์ทำให้มีคนเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันน้อยนิด
เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงนี้ (27/4/66) แต่เราจะมาพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับวัตถุตัวนี้กัน ซึ่งหลาย ๆ คนกำลังให้ความสนใจอยู่ทีเดียว
โพแทสเซียม ไซยาไนด์ (Potassium Cyanide)
เจ้าตัวนี้ เป็นวัตถุที่สามารถละลายน้ำได้เป็นอย่างดี เป็นเกล็ด ๆ ผลึกสีขาว มีกลิ่นอ่อน ๆ จาง ๆ คล้ายกับกลิ่นของเมล็ดอัลมอนด์ เมื่อละลายน้ำไปแล้ว จะไม่มีสีอีกด้วย
ด้วยควาที่มันมีพิษรุนแรงมาก ได้รับปริมาณอันน้อยนิด 200 – 300 มิลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สามารถทำให้ผู้ที่ดื่ม กินมันเข้าไป เสียชีวิตได้เลย
เนื่องจากมันจะเข้าไปทำให้การหายใจผิดปกติ เรียกว่าเป็นการยับยั้งการหายในระดับเซลล์ แถมมันยังไปยังยั้งการสร้างพลังงานของร่างกายอีกด้วย
ทำให้เกิดภาวะเลือกเป็นกรดแล็กติก บริเวณผิวหนังจะเกิดผื่นแดง ๆ เพราะว่าเนื้อเยื่อของเราไม่สามารถใช้ออกซิเจนจากเลือดได้ ในเพียงเวลาไม่นาน
คนที่กิน ดื่มมันเข้าไป จะหมดสติ บางคนมีอาการชักด้วย และจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ถ้าสังเกตอาการดี ๆ จะพบว่า ผู้ป่วนจะมีอาการอ่อนแรง
มีภาวะสับสน เหมือนคนเบลอ ๆ ไม่ค่อยจะปกติเท่าที่ควร หายใจช่วงสั้น ๆ เวียนหัว ปวดหัว ปวดท้อง พร้อมจะอาเจียนได้ทุกเมื่อ แต่ส่วนใหญ่
เราจะนึกไม่ออกหรอกว่า คน ๆ นี้ได้รับสารพิษ เพราะอาการมันคล้ายกับโรคอื่น ๆ แต่ถ้าหากเจอคนมีอาการแบบนี้ รีบนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน
เนื่องจากพิษของมันออกฤทธิ์ค่อยข้างเร็ว และแพทย์จะทำการล้างท้องให้ โดยเจ้าตัวนี้ ถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ผู้ค้นพบ ไซยาไนด์
เมื่อต้นศตวรรษที่ 18 นั้น J.C.Dippel และ H.Diesbach ได้ทำการทดลองกับเลือดด้วยความร้อน จนได้รับสารสีน้ำเงิน ที่เรียกว่า Berlin Blue
ด้วยกระบวนการ Potassium Carbonate และ Green Vitrol ต่อมาในปี ค.ศ. 1782 Carl Wilhelm Scheele นักเคมีชาวสวีเดน – เยอรมัน
ได้ทำการทดลองอีกครั้ง โดยใช้ความร้อนกับ Prussian Blue ด้วยกรดซัลฟูริกแบบเจือจาง ได้ก๊าซติดไฟที่สามารถละลายน้ำได้ แถมยังให้ฤทธิ์เป็นกรดอีก
ที่เรารู้จักกันนั่นคือไฮโดรเจนไซยาไนด์ ถือได้ว่า Carl Wilhelm Scheele เป็นนักเคมีคนแรกเลย สามารถสังเคราะห์ไฮโดรเจนไซยาไนด์ได้สำเร็จ
และเค้าเองยังเป็น บุคคลคสำคัญของโลกอีกด้วย เพราะเค้าเป็นคนค้นพบ แมงกานีส ออกซิเจน และคลอรีน ทำให้เราได้รับประโยชน์ของต่าง ๆ มากมาย
แหล่งกำเนิดทางธรรมชาติ
ต้นกำเนิดทางธรรมชาติ เรามักจะได้ยินพืชบางชนิดกินดิบ ๆ ไม่ได้ เพราะมีสาร ไซยาไนด์ อยู่ในรูปของไกลโคไซค์ เป็นพิษที่พบตามธรรมชาติ เช่น หัวมันสำปะหลัง
หน่อไม้สด, ถั่วลิมา, อัลมอนด์ชนิดขม, สบู่ดำ และข้าวบางชนิด โดยใบ ราก หัวมันสำปะหลังดิบ จะมีพิษทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เลย ถ้ากินแบบสด ๆ เข้าไป
กล้ามเนื้อจะอ่อนแรง หายใจติดขัด หายใจลำบาก ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์สมองน้อยลง หายใจออกมาจะได้กลิ่นไซยาไนด์ และมีผลต่อระบบทางเดินเลือดและระบบหัวใจอีกด้วย
ส่วนในหน่อไม้ เรารู้ว่าหน่อไม้มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ต้องปรุงให้สุกเสียก่อน ถ้าเผลอไปทานดิบล่ะก็จะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ถ้ารับในปริมาณน้อย
ร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมากแล้วนั้น มันจะไปจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดง ทำให้ร่างกายเราขาดอากาศ หมดสติ
แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ถ้าเราทำหน่อไม้สดและมันสำปะหลังมาทำให้สุกเสียก่อน ควรต้มในน้ำเดือด 10 นาที จะช่วยลดปริมาณความเป็นพิษได้ถึง 90.5 %
Cyanide ประโยชน์ต่ออุสาหกรรม
สารเคมีไซยาไนด์ไอออนนั้น เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูงมาก เราจะพบในรูปของสารประกอบโลหะอัลคาไลด์ เป็นของแข็งสีขาว และสารประกอบโลหะหนัก
เป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง เช่น พวกสิ่งทอ การผลิตกระดาษ การทำพลาสติก กาว เครื่องสำอาง ยารักษาโรค สารทนไฟ
อุตสาหกรรมเหล็ก การผลิตทองคำ การผลิตเงิน อุตสาหกรรมปิโตร เคมี การผลิตยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหนู การชุบโลหะ การผลิตสแตนเลส เยอะแยะมากมายเลย
ก่อนหน้านี้ ในสมัยอดีตช่วงสงครามโลก สารเคมีตัวนี้ ถูกนำพิษของมันมาเป็นอาวุธ และในบางประเทศนั้น มีการใช้ในการประหารนักโทษอีกด้วย
ยังมีหลาย ๆ คน มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ โพแทสเซียมไซยาไนด์ และ โซเดียมไซยาไนด์ ทั้ง 2 ตัวนี้ไม่ใช่ “ยา” แต่เป็นสารเคมีที่เป็นวัตถุอันตราย
โดยทั้ง 2 สารเคมีนี้ ถูกรับผิดชอบดูแลและควบคุมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่สำคัญการใช้สารเคมี 2 ตัวนี้ เค้าจะนำไปใช้ในการทำอุตสาหกรรม ซึ่งมันทำประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรม ไม่ได้นำมาใช้ทางยา