ตาราง 9 ช่อง คืออะไร และ ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกตาราง 9 ช่อง
ก่อนหน้านี้ แม่หมีเคยนำกิจกรรมชนิดหนึ่ง ไปสอนเด็ก ๆ ในโรงเรียน นั้นคือ กิจกรรม การเต้น ตาราง 9 ช่อง ช่วงนั้น ปี 2563 เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 แล้ว แต่ยังไม่รุนแรง
เท่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เด็ก ๆ จึงงดกิจกรรมการเรียนว่ายน้ำไป แม่หมีจึงมาสอนกิจกรรมนี้ให้กับเด็ก ๆ แทน และช่วงนี้โรงเรียนได้มีการสอน online จึงได้นำกิจกรรมนี้ มาสอนเด็ก ๆ
เลยคิดว่า ถ้าเรามาชวนทุก ๆ คน มา เรียน เล่น เต้น ไปกับกิจกรรม ตาราง 9 ช่อง นี้ด้วยกันน่าจะดี ซึ่งกิจกรรมนี้ เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะรู้จัก หรือเคยได้ยินมาบ้างแล้ว
แต่บางคนอาจจะไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินเลย มันคืออะไร ทำอะไรได้บ้าง วันนี้แม่หมีจะมาพาทุกคนมาศึกษารายละเอียดไปพร้อม ๆ กัน รวมไปถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกด้วย
ตาราง 9 ช่อง คืออะไร
คือ เครื่องมือในการฝึกหรือการออกกำลังกาย ที่สามารถใช้เนื้อที่เล็ก ๆ แคบ ๆ ในการฝึกได้อย่างสบาย ๆ กว้างไม่ถึง 1 x 1 เมตรเสียด้วยซ้ำ เล่นในห้องก็ยังได้
แต่สามารถทำให้สุขภาพของชีวิตของเรานั้นดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ด้วยงบประมาณไม่กี่บาท หรือเพียงแค่ใช้ถ่านไม้สีดำหรือชอล์ก ที่ไว้เขียนกระดานดำ
วาดลงไปบนพื้นปูนได้เลย ลบง่าย ล้างสบาย เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กิจกรรมการออกกำลังกายนี้จึงตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
วิธีการทำ ตาราง 9 ช่อง
ก่อนที่จะออกกำลังกายไปด้วยกัน กับแม่หมีนั้น เราต้องมาเตรียมตารางเสียก่อน วิธีการทำไม่ยากประหยัดด้วย เพียงแค่กระดาษแข็ง 1 แผ่น ตีตารางแบ่งออกเป็น 9 ช่อง
ด้วยขนาดประมาณ 75 x 75 เซนติเมตร หรือถ้าเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ หน่อย จะใช้ขนาดประมาณ 60 x 60 เซนติเมตร หรือเล็กกว่านี้ได้นิดหน่อย แบ่งแต่ละช่องให้เท่า ๆ กัน
หรือจะใช้ชอล์กเขียนตารางลงบนพื้นปูนเลยก็ได้ หรือจะใช้กระดาษกาวแปะลงบนพื้นกระเบื้องที่บ้าน สามารถทำได้เช่นกัน เอาที่ทุกคนสะดวกกันเลย เมื่อได้ตารางเรียบร้อยแล้ว
ให้เราเขียนเลข 1 – 9 ใส่ลงไปในช่อง โดยเรียงจากซ้ายไปขวา เลข 1 – 3 เขียนใส่แถวล่าง เลข 4 – 6 เขียนใส่แถวกลาง เลข 7 – 9 เขียนใส่ในแถวบนสุด เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
- เวทเทรนนิ่ง เปลี่ยนหุ่นพัง ให้สวยปังและยังช่วย ลดพุง กระชับสัดส่วน ได้
- ไข้คีโต คืออะไร มาทำความ รู้จักกับไข้คีโต (keto flu) กัน
ประโยชน์ของ ตาราง 9 ช่อง
- พัฒนาความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูก
- ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหว
- พัฒนาระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต
- พัฒนาทักษะการทรงตัว หรือภาวะสมดุลของการทรงตัว และการเคลื่อนไหวโดยใช้มือและเท้าประกอบกัน
- การออกกำลังกายอย่างมีสติด จะช่วยสร้างสมาธิในการเรียนรู้
- มีการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้อย่างหลากหลาย
- เพิ่มทักษะทางด้านการคิดให้เป็นระบบ อย่างมีเหตุผล
- ช่วยพัฒนาสมองทั้ง 2 ซีก ได้แก่ สมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา เพราะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์สมอง เพิ่มมวลสมอง
- เสริมสร้างทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
- ลดความเสี่ยงภาวะความจำเสื่อมได้ มีงานวิจัยจากสวีเดน ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Neurology เผยว่า ผู้หญิงวัยกลางคนที่ออกกำลังกาย จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึง 90 %
- ช่วยให้ร่างกายมีการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น แต่ต้องให้หัวใจเต้นเร็วในระดับหนึ่งก่อน เพื่อให้เลือดได้สูบฉีด และร่างกายจะดึงไขมันมาใช้
- การเรียนช่วยให้เกิดความสนุก ผ่อนคลาย และไม่ตึงเครียด
- ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจ และสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง
- ช่วยพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ สังคม และสติปัญญา
กิจกรรมนี้ ช่วยเสริมสร้างการเคลื่อนไหวและทักษะพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ดังนี้
อย่างที่ทราบ ๆ กันดี การออกกำลังกายมีค่าต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก และขึ้นอยู่กับหลักการและวิธีการในการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และการที่เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกาย
จึงช่วยพัฒนาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว และทักษะพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การทรงตัว การก้าวเท้า และอื่น ๆ ดังนั้นกิจกรรมนี้ จึงช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ ให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความเข้าใจในรูปแบบและวิธีการเคลื่อนไหวของกิจกรรมนี้ ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้
- ช่วยให้เด็ก ๆ ปรับบุคลิกภาพและพฤติกรรม ช่วยให้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง ช่วยให้มีความกล้าแสดงออกที่ได้ร่วมในการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวพร้อมเพื่อน ๆ
- ช่วยให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ทางความคิด เพราะเด็ก ๆ จะคิดรูปแบบการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้เรียนรู้ไป ซึ่งเป็นการเรียนไปด้วย เล่นไปด้วย จึงทำให้เด็ก ๆ เกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย จะมีสมาธิให้จดจ่อกับการเรียนรู้มากขึ้น จึงทำให้สุขภาพใจแข็งแรงอีกด้วย
- ช่วยพัฒนาปฏิกิริยาการรับรู้ รับฟังคำสั่งของสมอง เด็ก ๆ และจะเกิดทักษะการเคลื่อนไหว ทักษะการทรงตัว ช่วยส่งเสริมให้เกิดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- นอกจากจะพัฒนาทักษะทางด้านต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยให้เด็กที่ได้รับการฝึกในกิจกรรมนี้ มีการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ทำให้เด็กได้ฝึกการเคารพกฏเกณฑ์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ จนเป็นวินัยติดตัว
ประโยชน์ ตาราง 9 ช่อง ที่มีต่อผู้สูงอายุ
- ช่วยให้กล้ามเนื้อ และข้อต่อนั้นยืดหยุ่นได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงช่วยป้องกันโรคกระดูกผุได้ดี เพราะจะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงไม่หักง่าย
- เมื่อได้รับการฝึกเรื่อย ๆ จึงทำให้มีการทรงตัวดีขึ้น เดินเหินได้สะดวกคล่องตัว จึงช่วยลดความเสี่ยงการหกล้ม
- การออกกำลังกายด้วยกิจกรรมนี้ ช่วยรักษาโรคบางชนิดได้ อย่างเช่น ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง สามารถลดระดับของไขมันและน้ำตาลลงได้
- ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจลงได้ ช่วยป้องกันความดันเลือดสูงและช่วยให้การทำงานของระบบอวัยวะภายในของเรา ทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี
- ช่วยทำให้ร่ายกายของเราพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เมื่อเราออกกำลังกายด้วยกิจกรรมนี้ จะทำให้เรารู้สึกหลับสนิท จึงส่งผลดีต่อสมองและจิตใจ
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความต้านทานโรค ทำให้สุขภาพแข็งแรง
- ลดปัจจัยเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม
- ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ดีขึ้น ระบบจึงเผาผลาญไขมัน ทำให้ป้องกันการเกิดโรคอ้วนได้
- ทำให้สุขภาพจิตดี ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคซึมเศร้า ลดความเครียด และความวิตกกังวล เพราะหลังออกกำลังกายแล้ว ร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟินออกมา ทำให้เราผ่อนคลายนั่นเอง
- ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ดังนั้นทุกเพศ ทุกวัย ควรค่ากับการออกกำลังกาย แม้กระทั่ง ผู้สูงอายุ เองก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น เสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อ และกับระบบต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว
ที่สำคัญเลยโดยเฉพาะระบบหัวใจและระบบหายใจ แถมยังช่วยชะลอความเสื่อมของระบบต่าง ๆ อีกด้วย รวมไปถึงยังช่วยให้พ่อเฒ่า แม่เฒ่ามีความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้ดี
ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล อีกทั้งยังได้เข้าสังคม ได้พบปะผู้คนอีกด้วย ทำให้สภาพจิตใจดี มีพลังงานบวก อีกด้วย
พอจะสรุปสิ่งที่ ศ.ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ กล่าวไว้ เกี่ยวกับ กิจกรรมตาราง 9 ช่อง ได้ดังนี้ ตาราง 9 ช่องเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมอง เป็นการออกกำลังกาย
ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกาย ในรูปแบบ 3 มิติ คือ มิติด้านหน้า – มิติด้านหลัง มิติด้านบน – มิติด้านล่าง และ มิติด้านซ้าย – มิติด้านขวา ซึ่งเราสามารถฝึกการเคลื่อนไหว
ในรูปแบบที่เราต้องการได้ การฝึกด้วยรูปแบบ 3 มิติ จะช่วยให้สมองที่เราใช้ในการเคลื่อนไหว ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะในสมองส่วนที่ควบคุมการเดินถอยหลัง
ถ้าสมองส่วนนี้ไม่ได้รับการฝึก จะทำให้เราสูญเสียความสามารถในการควบคุม ทำให้เราล้มได้ง่าย เพราะเสียการทรงตัว ดังนั้น สมองคนเราควรได้รับการฝึกเรื่อย ๆ
ถ้าเราไม่ใช้สมองนาน ๆ จะทำให้สมองเราฝ่อ ลีบได้ และความสามารถในการรับรู้คำสั่งจะเสื่อมสมรรถภาพลง
ครั้งหน้า แม่หมีจะมาพาฝึกการก้าวเท้าในแบบต่าง ๆ สำหรับกิจกรรมนี้ ไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้น เพื่อน ๆ ทุกคนไปเตรียมอุปกรณ์กันให้พร้อมนะ แล้วเราจะมาสนุกกับการออกกำลังกายไปพร้อมกัน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง สร้างภมูิคุ้มกันไปในตัว แล้วพบกันนะ
ที่มา