วิ่งบนชายหาด Beach Run วิ่งอย่างไรให้มีความสุข และปลอดภัย
การวิ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของตัวเราเอง ยิ่งการ วิ่งบนชายหาด ด้วยแล้ว มีทั้งประโยชน์และมีข้อดีมากมาย ถ้าเพื่อน ๆ อ่านบทความนี้
อาจจะมีหลาย ๆ คน อยากไปหาชายหาดเงียบ ๆ สงบ ๆ ทดลองวิ่ง ณ บัดนี้เลย ก่อนไปตามหาชายหาด ไปดูกันดีกว่าว่าประโยชน์เยอะจริงหรือเปล่า
ประโยชน์ของการ วิ่งบนชายหาด
การออกกำลังกายที่ง่ายทีสุด อุปกรณ์น้อยสุด น่าจะยกให้กีฬา “วิ่ง” หลาย ๆ อาจจะเถียง ไม่นะ กีฬาวิ่งนี่อุปกรณ์เยอะมากนะเธอ ไหนจะรองเท้าผ้าใบ
ผ้าบัฟ นาฬิกาสำหรับใส่วิ่ง แว่นกันแดด กางเกงรัดกล้ามเนื้อ เสื้อรัดกล้ามเนื้อ ถุงเท้าลดอาการปวดเมื่อย ขวดน้ำดื่ม และโน่นนั่นนี่อีกสารพัด แต่ถ้า
เป็นคนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่ซ้อมกีฬาเพื่อการแข่งขัน สาระสำคัญของอุปกรณ์วิ่ง น่าจะมีแค่ รองเท้าผ้าใบสำหรับวิ่ง 1 คู่
ถุงเท้า ชุดสำหรับใส่วิ่ง ผ้าสบาย ๆ ไม่อมเหงื่อ กระจายความร้อนได้ดี เพิ่มให้ โทรศัพท์มือถือที่โหลดแอพจับระยะทางไว้แล้ว ขวดน้ำอีก 1 ขวด
สามารถออกวิ่งได้สบาย ๆ แล้ว แถมเดี๋ยวนี้มีสวนสาธารณะประจำเมือง ประจำอำเภอ วิ่งได้อย่างปลอดภัยแน่นอน สำหรับใครชอบวิ่งบนถนน
เพราะพื้นถนนเรียบ ๆ วิ่งทางตรงยาว ๆ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยดวย สำหรับใครบ้านอยู่ใกล้ทะเล หรือวิ่งไปถึงริมทะเลได้ แนะนำเลยว่า
ชายหาดนี่แหละ สถานที่วิ่งชั้นดี มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ถือเป็นความโชคดีมาก ๆ ไปดูข้อดีและประโยชน์ไปพร้อม ๆ กันเลย
การวิจัยของการ วิ่งบนชายหาด พบว่า Beach run นั้นจะช่วยลดแรงกระแทกได้มากถึง 4 เท่า ถ้าเทียบกับการวิ่งบนพื้นถนนปกติ
ด้วยความที่พื้นทรายนั้นมีความนุ่ม เลยช่วยเซฟข้อต่อกระดูกต่าง ๆ บริเวณขาได้เป็นอย่างดี รวมถึงลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บเรื้อรัง
คนพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บใหม่ ๆ หรือคนสูงอายุ เหมาะสำหรับเดินบนหาดทรายเป็นอย่างยิ่ง มือใหม่ไม่เคยเดินบนพื้นทรายมาก่อน
ตัวทำให้ร่างกายเคยชินเสียก่อนนะ เริ่มจากค่อย ๆ เดินแบบช้า ๆ จนถึงเริ่มเร็วขึ้น เดินเร็วสลับวิ่งแบบช้า ๆ อยู่ที่ความชอบของตัวบุคคลด้วย
พื้นทรายนั้นนอกจากลดแรงกระแทกแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายทรงตัวได้ดีขึ้น เพราะขาของคุณนั้น ทำงานอย่างหนักขึ้นและประสานงานร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นฝ่าเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา สะโพก แกนกลางลำตัว ซึ่งพื้นทรายนั้นช่วยฝึกหัดเรื่องความต้านทานและเพิ่มความมั่งคงให้กับ
การทรงตัวได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ระบบการหายใจของเราดีขึ้น ร่างกายเราจะได้เติมออกซิเจนเข้าไปโดยไม่รู้ตัว รับอากาศดี ๆ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเล
แถมยังช่วยฝึกสมาธิของจิตใจเราได้ระหว่างวิ่ง ทำให้จิตใจเราเบิกบาน มีความสุข ได้ชมวิวสวย ๆ รอบตัว ช่วยให้เรา heal สภาพจิตใจได้เป็นอย่างดี
การเตรียมตัวสำหรับวิ่งลุยหาดทราย
เพื่อเป็นการปกป้องผิวหน้าและผิวกายของเรา อย่าลืมพกหมวกและแว่นกันแดดไปด้วย ก่อนจะวิ่งนั้น ทาครีมกันแดดด้วย เนื่องจากบริเวณชายหาด
แสงแดดจะร้อนแรงกว่าปกติ ยิ่งวิ่งตากแดดแรง ๆ ด้วยนะ ยิ่งจะเหนื่อยไวและหมดแรงได้ง่าย ๆ เลย ดูสภาพอากาศให้ดีก่อนวิ่งด้วย เตรียมน้ำดื่มไปให้พอ
เพราะถ้าอากาศร้อนจัด ๆ ร่างกายขาดน้ำ คุณอาจจะเป็นลมแดด หรือ Heat Stroke ทำให้หมดสติ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถปรับตัว ลดอุณหภูมิ
ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ส่งผลเสียต่อระบบประสาท หัวใจ และไต เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้เลยนะ น้ำดื่มจึงสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับใครสะดวก
วิ่งเท้าเปล่าบนหาดทรายได้ คุณวิ่งต่อไปได้เลย ไม่ต้องกังวล แต่สำหรับใครรู้สึกว่าทรายมันแทงฝ่าเท้า กลัวเปลือกหอยทิ่ม หรือมีความไม่ชอบพื้นผิวสัมผัสของทราย
ควรใส่รองเท้า ไม่แปลกหรอกมีหลาย ๆ คน ใส่รองเท้าวิ่งบนพื้นทราย วิ่งกันแบบสบายใจดีดีกว่า อีกทั้งคุณควรเช็คระดับน้ำขึ้น – ลง ก่อน การ วิ่งบนชายหาด
บางทีต้องดูตารางน้ำขึ้น น้ำลงด้วยนะ คุณคิดถึงทะเลแหวกซิ ตอนขาวิ่งไป น้ำลง วิ่งสบาย ๆ แล้วถ้าวิ่งเพลินน้ำเริ่มขึ้น คุณจะวิ่งกลับมายังไงล่ะ
เรียนรู้ก่อน วิ่งบนชายหาด ริมทะเล
ตอนนี้หลาย ๆ คนเริ่มขยับตัวไปปัดฝุ่นรองเท้าผ้าใบ หรือเตรียมผ้าซับเหงื่อ เตรียมขวดน้ำกันแล้ว แต่อย่าคิดว่าการวิ่งบนพื้นทราย จะง่ายเหมือนการวิ่งบนถนน
บนลู่วิ่งนะ การวิ่งบนพื้นทรายนั้นวิ่งยากมาก เพราะต้องออกแรงมากกว่าปกติ ไหนจะแสงแดดแผดเผาเราอีก แดดประเทศไทยไม่ใช่ธรรมดาเลยนะตัวเธอ
1.อบอุ่นร่างกายและขาของเราให้ดี
Warm up กล้ามเนื้อขาให้ดี เพราะการวิ่งบนหาดทรายนั้นจะทำให้เนื้อขาของเราเกร็งมากกว่าการวิ่งบนพื้นถนนทั่วไป ดังนั้นการวอร์มอัพเป็นสิ่งสำคัญ
ควร Warm up แบบไดนามิก บริเวณอวัยวะส่วนขาด้านหลัง อาจจะใช้ท่า Forward Lunges, ท่า High Knees, ท่า Hip Flexor Stretch, ท่า Leg Extensor Stretch,
ท่า Leg Flexor Stretch, ท่า Plantar Flexor Stretch และ ท่า Hip Extensor Stretch มีการวิจัยออกมาว่า การทำ Dynamic Stretch จะช่วยให้
เราวิ่งได้นานขึ้นกว่าเดิมประมาณ 2.30 นาที ก่อนเราจะเริ่มเหนื่อยหรือหมดแรงด้วย ลองทำท่าที่เราแนะนำไป ก่อนจะลงชายหาดวิ่ง ทดลองทำดูแล้วกัน
2.ไม่ต้องวิ่งเร็ว ลดความเร็วลง
การวิ่งริมทะเลนั้น เป็นเรื่องตื่นเต้นและเพลิดเพลินสำหรับใครหลาย ๆ คน น่าจะทำให้วิ่งได้เร็วมากขึ้น แต่ทรายนั้นจะดึงข้อเท้าและทำให้เท้ากับขาของเราหนัก ไม่เหมือน
กับการวิ่งบนพื้นถนน แต่คุณอย่าไปวิตกกังวล อย่าไปซีเรียสในเรื่องเวลาและความเร็วเลย ดังนั้นเราควรออกแรงวิ่งประมาณ 85 เปอร์เซ็น เพื่อความสดชื่นของร่างกาย
3.ตั้งเป้าการวิ่งไว้ที่เวลา อย่างตั้งเป้าหมายไว้ที่ระยะทาง
อย่าตั้งเป้าหมายว่า วันนี้ฉันจะวิ่งให้ได้ 5 กิโลเมตร การวิจัยทางฝั่งยุโรปพบว่า การวิ่งบนพื้นทรายนั้น ทำให้กล้ามเนื้อสะโพกและหัวเข่าของเรานั้น
ทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าตัว การวิ่งบนทรายต้องใช้พลังงานมากกว่าเดิม 1.6 เท่าเลยทีเดียว เราควรบอกตัวเองว่า วันนี้ฉันจะวิ่ง 1 ชั่วโมง ถึงจะถูกต้อง
4.พื้นทรายมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน
เราชอบวิ่งบนพื้นทรายแบบเปียกชื้น มากกว่าบนพื้นทรายนุ่ม ๆ แต่บางคนชอบวิ่งแบบทรายนุ่ม ๆ มากกว่า แต่ไม่ว่าจะนุ่ม หรือ เปียกชื้นนั้น มีประโยชน์
ด้วยกันทั้งคู่ โดยเริ่มแรกควรวิ่งบนทรายแบบเปียกชื้นก่อน เพราะจะช่วยเสริมสร้างความทนทานของมัดกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังเพิ่มความต้านทานของขา
และข้อเท้า พอร่างกายของเราปรับสภาพได้ชินแล้ว ให้ไปทดลองวิ่งบนพื้นทรายนุ่ม ๆ ดู แต่การวิ่งบนทรายแบบนุ่ม จะทำให้กล้ามเนื้อเสียหาย
และอักเสบน้อยกว่าการวิ่งบนพื้นที่แข็งกว่า อีกทั้งยังลดอาการปวดและเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อลดลงอีกด้วย เพื่อน ๆ พร้อมเมื่อไหร่ ลองฝึกดูนะ
สำหรับใครมีบ้านอยู่ริมทะเล หรือห่างจากทะเลไม่เยอะ อยากออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง เราแนะนำเลยนะ วิ่งบนชายหาด
เป็นการออกกำลังกายที่ตอบโจทย์มาก มือใหม่หัดวิ่ง ลงพื้นทรายสัปดาห์ละ 1 วัน ถือว่าเพียงพอแล้ว วันอื่น ๆ ที่เหลือวิ่งบนถนน วิ่งลู่ได้
หรือเมื่อวิ่งไปแล้ว 1 ครั้ง เราอาจจะเปลี่ยนมาเป็นการเดินช้า ๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน สามารถทำได้ แต่การวิ่งบนหาดทรายนั้น
ใช้พลังงานของกล้ามเนื้อเยอะกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อวิ่งไป 1 วัน ควรมีให้ร่างกายพักฟื้นให้เพียงพอ เพื่อการซ่อมแซมกล้ามเนื้อของตัวเราเอง
ฝากการออกกำลังกายด้วยวิธี วิ่งบนหาดทราย ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อน ๆ อีก 1 วิธี รับประกันว่าร่างกายเราจะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน