เลือดจาง บริจาคเลือดไม่ได้ ทำอย่างไรดี
วันพระใหญ่ทั้งที ไปทำบุญไหว้พระ ไปทำบุญบริจาคโลคศพเรียบร้อย อยากจะไปบริจาคเลือดที่ธนาคารเลือด งานเข้าเลยจ้า เลือดจาง
ไม่สามารถบริจาคได้ หมอเช็คประวัติและถามเราว่า เลือดจางต่อเนื่อง 2 ครั้งแล้วนะ ทานยาที่ให้ไปหรือเปล่า แต่ความเข้มของเลือด
ในครั้งนี้ ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน เกือบจะบริจาคได้แล้ว ไปทำอะไรมา ปกติก่อนหน้านี้เลือดเข้มดีมาก บำรุงหน่อยนะ สุขภาพสำคัญ หมอกล่าว
เลือดจาง คืออะไร
โลหิตจาง ภาวะซีด บางคนเรียก เลือดน้อย คือ Anemia มีภาวะปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าปกติของคนทั่วไปพึงมี
หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกตินั่นเอง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุของภาวะซีด พบบ่อยได้เยอะ คือ โรคโลหิตจาง
จากการขาดธาตุเหล็ก หรือเกิดภาวะโลหิตจาง อาจมาจากการเสียเลือดเรื้อรัง อย่างการมีประจำเดือนที่พบมากในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
บางคนอาจจะพบว่ามีแผลหรือเนื้องอกภายในร่างกาย ทำให้เสียเลือดอยู่ตลอดเวลา ร่างกายจึงไม่สามารถนำเอาธาตุเหล็กกลับมา
ใช้ใหม่ได้ หรือพบได้ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หรือคุณแม่ที่ให้นมลูก หรือบางคนอาจจะเกิดจากสาเหตุง่าย ๆ คือ การกินอาหารไม่เพียงพอ
หรือผู้ป่วยที่ไม่ยอมทานอาหาร หรือผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถทานอาหารเองได้ หรือผู้ป่วยที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
ในปริมาณมากขึ้น ในเม็ดเลือดแดงจะมีโปรตีนชื่อว่า ฮีโมโกลบิน เป็นส่วนประกอบหลัก เม็ดเลือดแดงนั้นจะถูกสร้างในไขกระดูก
ตามปริมาณที่พอเพียง และพอต่อความต้องการที่จะถูกนำไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในร่างกาย เม็ดเลือดแดงนั้นจะมีอายุประมาณ 120 วัน
ก่อนจะถูกกำจัดออก และมีการถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการทดแทนเม็ดเลือดแดงที่ถูกกำจัดไปโดยม้าม ตับ และไขกระดูก
เลือดลอย บริจาคเลือดไม่ได้
การที่เราจะไปบริจาคเลือดนั้น เราต้องเอาเลือดส่วนเกินของร่างกายที่ไม่จำเป็น ไปให้กับผู้ที่ต้องการ ประมาณ 350 – 450 มิลลิลิตร
ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ที่จะไปบริจาค เมื่อเราโดนเจาะเลือดจากปลายนิ้วไปแล้ว เค้าจะมีเครื่องสำหรับวัดความเข้มข้นของเลือดเรา
ถ้าความเข้มข้นของเลือดนั้นไม่ถึง 12 g / dL ในผู้หญิง หรือไม่ถึง 13 g / dL ในผู้ชาย นั่นคือ คุณมีภาวะโรคโลหิตจางเหมือนที่เรากำลังเป็น
หมอเค้าจะบอกว่าเราไม่ได้ไปต่อ พร้อมกับยื่นซองยามาให้เรา 1 ซอง นั่นคือยาธาตุเหล็กสำหรับผู้บริจาคโลหิต โดยมีงานศึกษาจากโรงพยาบาล
แห่งหนึ่งพบว่าร้อยละ 37 ของผู้ที่จะมาบริจาคเลือด ไม่สามารถบริจาคได้ โดยเฉพาะผู้หญิงนั้น ความเข้มข้นจะต่ำกว่ามาตรฐาน อาจจะมีส่วน
มาจากเมื่อสูญเสียธาตุเหล็กในการมีประจำเดือน 30 – 40 มิลลิกรัมในแต่ละเดือน และไม่ได้รับสารอาหารในการสร้างธาตุเหล็ก หรือทาน
อาหารไม่เพียงพอ จึงควรต้องทาน ยาเสริมธาตุเหล็ก ที่คุณหมอให้มา และปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอ เลือดจะเข้มข้นเพียงพอแน่นอน
อาการของผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
แต่ละคนที่มีปัญหาโลหิตจางนั้นจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป มีตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไปจนถึงขั้นรุนแรงมาก ในบางคนอาจไม่พบว่ามีความผิดปกติ
จนกว่าจะเกิดภาวะที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะไปผิดปกติในเรื่องของการทำงานที่หัวใจ ซึ่งหัวใจจะทำงานหนักมากขึ้น โดยอาการหลัก ๆ ที่พบ ได้แก่
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แม้แค่เดินช้า ๆ จะรู้สึกได้เลยว่าเหนื่อยแล้ว
- ไม่สดชื่น ตัวซีด ผิวเหลือง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ปวดหัว เวียนหัว มึนงง
- ฝ่ามือและฝ่าเท้าเย็น
- เจ็บหน้าอก ใจสั่น หายใจลำบาก
อาหารบำรุงเลือด สำหรับคน เลือดจาง
การเลือกทานอาหารเป็นส่วนช่วยทำให้เลือดของเราสมบูรณ์ขึ้นมาได้ คนที่มีภาวะ เลือดจาง ควรดูแลตัวเองให้ดีในเรื่องของอาหาร ถือว่าสำคัญมาก
เพราะในอาหารแต่ละอย่าง เราสามารถเลือกทานได้ ให้เราเลือกทานอาหารในสิ่งที่มีธาตุเหล็กและโปรตีน มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้าง
- พืชผักใบสีเขียวเข้ม ได้แก่ คะน้า ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง บร็อกโคลี่ เป็นต้น จะเอาไปผัดใส่กุ้ง ใส่หมู แล้วแต่ที่จะสะดวกทำ อาหารจากผักใบเขียวนนั้นควรทานคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง ส้ม มะละกอ พอทานคู่กันในมื้ออาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีมากขึ้น
- ธัญพืชต่าง ๆ ได้แก่ เมล็ดฟักทอง อัลมอนด์ ถั่วดำ ถั่วแดง ลูกเดือน เมล็ดเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มเส้นใยอาหาร มีวิตามินบี อีกทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีโปรตีน แมกนีเซียม และธาตุเหล็ก อีกด้วย
- ข้าว ได้แก่ ข้าว 313 และ ข้าวหอมนิล เป็นข้าวที่ให้กรดโฟลิก คลอโรฟิลล์ คาร์โบไฮเดรตสูง และยังมีธาตเหล็กด้วย ซึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลคล้าย ๆ กับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ข้าว 2 สายพันธุ์นี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการธาตุเหล็ก
- ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นต้มจืดเลือดหมู ผัดกะเพราตับ / เครื่องใน สเต็กหมู หรืออาหารที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งเมนูที่เพิ่มธาตุเหล็กสูง ซึ่งหาทานได้ง่ายอีกด้วย
- สมุนไพรอย่างขมิ้น กระเทียม และพริก ช่วยในการกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือดได้ดี อีกทั้งยังลดความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลไม้ช่วยในการบำรุงเลือด
นอกจากผักต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ตับ ข้าว สมุนไพรแล้ว ยังมีผลไม้อีก ที่สามารถช่วยในการบำรุงเลือดได้ หากเลือดไม่ดี เท่ากับเป็นการทำร้ายหัวใจ
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดในสมองให้เราด้วย ถ้าเรามีสภาพเลือดที่ดีนั้น ช่วยทำให้ร่างกายของเราปลอดจากโรคร้ายต่าง ๆ อีกด้วย
ผลไม้ต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงเลือด มักจะเป็นผลไม้สีแดงด้วยนะ เรามาดูกันว่ามีผลไม้อะไรบ้างที่ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนเลือดของเรากัน
- สตรอเบอรี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สีแดงสด รสหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ เป็นผลไม้อร่อยมาก เป็นที่นิยมทานกันทั่วไป สตรอเบอรี่นั้นช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ดี อีกทั้งยังช่วยในการสูบฉีดเลือด รวมไปถึงทำให้ผิวพรรณสวยงามอีกด้วย
- แตงโม เป็นผลไม้ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงได้ และมีกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ ช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจตาย รวมไปถึงมีผลดีต่อระบบการไหลเวียนเลือดอีกด้วย
- เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่ทานแล้วสดชื่อ อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมสูงมาก ช่วยให้ร่างกายสร้างสมดุลกับโซเดียม ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดี ความดันเลือดของร่างกายอยู่ในระดับปกติ
- กล้วย ถึงแม้จะไม่ใช่ผลไม้สีแดงแต่ช่วยบำรุงเลือดด้วยเช่นกัน อุดมไปด้วยแมกนีเซียม กล้วยก็ยังจะช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลูคิเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) ได้อีกด้วย
- ทับทิม ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดกลับมาเป็นปกติ ผิวพรรณสดใส ผู้ป่วยโรคเบาหวานถ้ากินทับทิม จะช่วยให้ร่างกายมีระดับอินซูลินลดลง
นอกจากอาหารและผลไม้ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นนั้น ยังมีน้ำสะอาดอีก ที่ช่วยให้เลือดของเราไม่ข้นหนืด ทำให้หัวใจของเราไม่ต้องรับภาระในการทำงานหนัก
ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้อย่างเป็นปกติดี ระบบภายในของร่างกายนั้นทำงานได้ดี ร่างกายของเราจะแข็งแรง สมบูรณ์ ใครที่มีภาวะ เลือดจาง
ลองปรับในเรื่องของอาหารและผลไม้ดูนะ ทานให้ครบ 5 หมู่ และให้เน้นในอาหารกับผลไม้ที่ช่วยในการบำรุงเลือดมาก ๆ หน่อย แล้วเราจะได้ไปบริจาคเลือดพร้อมกันนะทุกคน